xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยร้อง "ศุภจี" รมว.พาณิชย์ ออกมาตรการพยุงราคาสุกรหน้าฟาร์ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยร้องรัฐมนตรีก.พาณิชย์ออกมาตรการพยุงราคาสุกรหน้าฟาร์มหลังขาดทุนหนัก เร่งแก้ปมห่วงโซ่ค้าหมูผิดเพี้ยน ผู้เลี้ยงไม่เห็นอนาคต พร้อมข้อเสนอฉีกกรอบสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

ชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - ประธานหมูรายย่อยส่งหนังสือด่วนร้องกระทรวงพาณิชย์พยุงราคาสุกรหน้าฟาร์ม สารพัดปมกลไกผิดเพี้ยน ราคาตลาดยังแค่ 65-70% ของต้นทุน กว่าจะได้ทุนหวั่นผู้เลี้ยงตายเพิ่มอีกรอบ

นายเดือนเด่น ยิ้มแย้ม ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นหนึ่งของกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยในประเทศ ได้กล่าวถึงปัจจุบันราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มตกต่ำอย่างมาก โดยลดลงมาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันราคายังอยู่ในระดับ 65-70% ของต้นทุนการผลิต แม้ดีขึ้นมาเล็กน้อยหลังมีหลายกิจกรรมของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แต่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะหยุดการขาดทุนได้ในระยะอันใกล้ เสี่ยงอย่างยิ่งต่อการล่มสลายทั้งระบบ

ปัจจุบันห่วงโซ่ปลายทางที่เป็นราคาผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากเนื้อสุกรอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สะท้อนการกระจุกตัวของมาร์จิ้นตลอดห่วงโซ่ สุกรขุนมีชีวิตเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปัจจุบันขาดเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ทำให้ผู้ประกอบการหลายฟาร์มมีการกระจายความเสี่ยงต่อยอดเป็น

• จากฟาร์มเป็นพ่อค้าสุกรขุนหน้าฟาร์มบ้าง
• จากพ่อค้ามาทำฟาร์ม ขายอาหารสัตว์ รับซื้อสุกรขุนกลับ ที่สามารถกำหนดราคาฟาร์มได้
• ค้าปลีกเนื้อสุกร ขยายตัวเปิดสาขามากขึ้นทั่วทั้งประเทศบ้าง
• ต่อยอดแปรรูปเป็นผผลิตภัณฑ์อาหาร
• ไม่รวมถึงการต่อยอดของกลุ่มครบวงจรที่กระจายความเสี่ยงอย่างครบวงจร

ความเสียหายแบบไร้การกระจายความเสี่ยงจึงตกอยู่ที่ผู้เลี้ยงสุกรเพียงอย่างเดียวที่พึ่งพาราคาสุกรหน้าฟาร์มเป็นหลัก ที่กลไกราคาถูกบิดเบือนได้ง่ายจากการไม่มีการกำกับดูแลการประกอบการของพ่อค้าคนกลาง ไม่ต่างจากสินค้าเกษตรทั่วไป

ในโอกาสที่มีการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยฯ ขอให้ท่านออกมาตรการพยุงราคาสุกรหน้าฟาร์ม พร้อมผลักดันแนวนโยบายที่จะสร้างความมั่นคง ยั่งยืนให้กับการประกอบอาชีพการเลี้ยงสุกร โดยการวางแนวนโยบายนำเสนอที่สอดคล้องหน้าที่ อำนาจตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลดีต่อสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่นกัน โดยขอสรุปแนวนโยบายที่ขอให้การสนับสนุน ดังนี้


เรื่องเร่งด่วนออกมาตรการพยุงราคาสุกรหน้าฟาร์ม

1. จากการที่สินค้าสุกรและเนื้อสุกรเป็นสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายป้องกันการผูกขาด จึงขอให้ท่านพิจารณาใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อหยุดความเสียหาย โดยกำหนดราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มไม่ให้ต่ำกว่าต้นทุน และกำหนดราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกรส่วนเนื้อแดง (สะโพก หัวไหล่ ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 1.7 เท่าของราคาสุกรขุนหน้าฟาร์ม ที่ผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติปรับลดตัวเลขลงจากเดิม 2.0 เท่า ที่จะทำให้ราคาจำหน่ายปลีกชิ้นส่วนสุกรพื้นฐานย่อมเยาลง สนองนโยบายการดูแลค่าครองชีพของรัฐบาล) เนื่องจากการตั้งราคาที่ไม่สอดคล้องจะกดดันกันกลับไปมา โดยต้นทุนไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม จะได้ราคาสุกรเนื้อแดงที่ 136-140 บาทต่อกิโลกรัม โดยขอให้กำหนดกรอบเวลาในการบังคับใช้ที่ 3-6 เดือน เพื่อหยุดความเสียหาย และให้เวลาเกษตรกรปรับลด Supply ส่วนเกิน

ตามข้อเสนอนี้ จะเป็นการใช้อำนาจกับสินค้าควบคุม ให้เป็นไปในลักษณะเดียวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบัน ที่มีประกาศกระทรวงพาณิชย์ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2568 กำหนดราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรที่ 7.05 บาทต่อกิโลกรัม และราคารับซื้อหน้าโรงงานอาหารสัตว์ 9.80 บาท ที่อิงตามความชื้น 30% และ 14.5% ตามลำดับ เป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับราคาข้าวโพด ที่มีผลบังคับตั้งแต่ 30 สิงหาคม 2568 ถึง 31 กรกฎาคม 2569 ที่มีระยะเวลาถึง 11 เดือน

การใช้อำนาจแนวทางในลักษณะเดียวกันจะทำให้กลุ่มการเลี้ยงสุกรที่รองรับราคาสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้นที่เร่งด่วน


กำลังโหลดความคิดเห็น