เพชรบูรณ์ - เผยอุบัติเหตุอุทาหรณ์สังเวยถนนหล่มสัก ติดเสาไฟกิ่งพร้อมสรรพแต่มืดตลอดสาย..มอเตอร์ไซค์หางเครื่องวัย 32 ล้มเอง คาดรถตามหลังมองไม่เห็นชนทับซ้ำหลายคันจนร่างแหลกดับสยองคาที่ ชาวบ้านถล่มยับ จี้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ไข
อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณถนนสายปากดุก หมู่ 3 ต.ปากดุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ที่มีเสาไฟกิ่งแต่มืด-ไฟไม่ติดตลอดทาง คืนเกิดเหตุ (12 ต.ค.) มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากทำงานช่วงหลังเที่ยงคืน และเกิดอุบัติเหตุรถล้มเอง จากนั้นมีรถยนต์ที่ขับตามมาชนซ้ำหลายคัน คาดว่ามองไม่เห็นเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมืดมาก ไม่มีแสงไฟฟ้าส่องสว่าง
ที่เกิดเหตุคืนนั้นพบร่างผู้เสียชีวิตอยู่กลางถนน สภาพศพถูกรถชนซ้ำหลายครั้งจนร่างแหลก ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลังคือ นายสมพร ทองมาก หรือ “แตงโม” อยู่บ้านเลขที่ 163 หมู่ 4 ต.ตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก หางเครื่องวงดนตรีในพื้นที่ วัย 32 ปี อาศัยอยู่กับพี่ชายสองคน พ่อแม่ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ กำหนดฌาปนกิจวันนี้ (16 ต.ค.)
นายศราวุธ เบ้าสกุล พี่ชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า เขาเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน ไม่เคยมีเรื่องกับใคร คืนเกิดเหตุเขากลับจากงานดนตรีจะถึงบ้านอยู่แล้ว แต่ต้องมาจากไปเพราะถนนไม่มีไฟ อยากวอนเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเร่งติดตามคนที่ชนซ้ำแล้วหนีให้ได้โดยเร็ว และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบไฟฟ้าข้างทางให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม จะได้ไม่ต้องมีใครสูญเสียแบบนี้อีก
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คืนดังกล่าวจุดเกิดเหตุไฟถนนไม่ติดเลย และถนนเส้นนี้มักเกิดอุบัติเหตุอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหรือเวลากลางคืน เนื่องจากขาดแสงสว่างเพียงพอ
ต่อมาได้มีการนำเรื่องราวเผยแพร่ผ่านเพจ “ข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์” พร้อมตั้งคำถามถึงสภาพถนนที่มีเสาไฟฟ้าส่องสว่างติดตั้งอยู่ตลอดแนวถนนแต่กลับไม่มีแสงไฟส่องสว่างมานานปี จนชาวบ้านตั้งข้อสงสัยว่า “จะเอาไว้โชว์เสาหรือเอาไว้ส่องสว่าง” เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
เพจดังกล่าวระบุข้อความว่า “มีหลายพื้นที่ที่ไฟไม่ติดข้างทางเพราะอะไร ประชาชนมองเห็นเสาไฟฟ้าข้างทางแต่ไม่มีไฟสว่าง เปิดตั้งเพื่อโชว์หรือเพื่อลดอุบัติเหตุ มีคนเสียชีวิตแล้วกี่รายถึงจะกลับมาซ่อมให้ติดเหมือนเดิม ขอฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าปล่อยให้เสาไฟเป็นเพียงของตั้งข้างถนนแต่ไม่มีแสงสว่างใช้จริง”
ใต้โพสต์ผู้คนในพื้นที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันว่า ไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณถนนสายปากดุก ไม่ติดมานานกว่า 1 ปี และไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมหรือดูแลอย่างต่อเนื่อง