เปิดเบื้องหลัง “กุ้งไทย” ทำไมถึงปลอดภัยไม่แพ้กุ้งธรรมชาติ! เผยเทคโนโลยีเลี้ยงยุคใหม่ ดูแลน้ำ–ป้องกันโรคเข้มทุกขั้นตอน เพื่อความมั่นใจทุกคำที่คนไทยกิน
ในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารหมุนเวียนรวดเร็ว การสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้งเลี้ยงซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวคลาดเคลื่อนบางส่วนเผยแพร่ว่า "ไม่ควรกินกุ้งเลี้ยงแบบดิบ" ซึ่งต้องชี้แจงว่า ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเลี้ยงหรือกุ้งจับจากธรรมชาติ การบริโภคแบบดิบก็ไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น แม้การควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยในการเลี้ยงกุ้งของไทยจะมีคุณภาพดีและปลอดภัยต่อผู้บริโภคอย่างมากก็ตาม
ดร.พุทธ ส่องแสงจินดา นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญการเพาะเลี้ยงกุ้งและที่ปรึกษากรมประมง เคยกล่าวในงานสัมมนาเรื่อง"บูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ยั่งยืน" ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบการเลี้ยงกุ้งที่มีประสิทธิภาพและการสร้างระบบการเลี้ยงกุ้งที่ปลอดภัย โดยประเด็นสำคัญมีหลายด้าน อาทิ ประสิทธิภาพการเลี้ยงการใช้น้ำสะอาดและระบบป้องกันโรค ซึ่งมีผลโดยตรงต่อคุณภาพกุ้งและความปลอดภัยอาหารที่ผู้บริโภคจะได้รับ
ดร.พุทธอธิบายว่าการเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยงกุ้งเป็นการเพิ่มผลผลิตและลดความเสี่ยงทางสุขภาพสัตว์น้ำ ผ่านการจัดการบ่อเลี้ยงด้วยระบบน้ำหมุนเวียนและเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบอัตโนมัติในการให้อาหาร (Auto feed) และเครื่องเติมอากาศที่สามารถควบคุมทิศทางการไหลของน้ำและระดับออกซิเจนได้อย่างแม่นยำ เพื่อรักษาสภาวะน้ำที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของกุ้ง นอกจากนี้ ยังมีการสร้างบ่อเลี้ยงกุ้งขนาดเล็กที่ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมปริมาณเชื้อโรคในระบบ ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการรอดของกุ้งได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
น้ำสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงกุ้ง ดร.พุทธเน้นย้ำว่า การควบคุมคุณภาพน้ำ ทั้งค่า pH ออกซิเจน และระดับสารอินทรีย์ในน้ำ ต้องอยู่ในช่วงที่เหมาะสม เช่น ระดับออกซิเจนละลายน้ำควรไม่ต่ำกว่า 5 มิลลิกรัมต่อลิตร ค่า pH ไม่แกว่งผันมากเกินไป (pH ตอนเช้าตรู่ ประมาณ 7.7-8.0) และใช้ระบบน้ำหมุนเวียนและระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดสารพิษและปริมาณเชื้อโรคกุ้งในบ่อเลี้ยง
การใส่จุลินทรีย์ที่ช่วยย่อยสลายของเสียและลดการสะสมสารพิษในบ่อเลี้ยงกุ้ง เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่แนะนำ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคกุ้งได้อย่างมีประสิทธิผล โดยวิธีการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยง แต่ยังเป็นแนวทางที่ช่วยลดการใช้สารเคมีในฟาร์มกุ้ง
และแม้จะมีระบบการเลี้ยงที่ดีแล้ว โรคระบาดยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดที่ต้องได้รับการจัดการอย่างเข้มงวด การป้องกันและควบคุมโรคกุ้ง เช่น โรคไวรัสดวงขาว (White spot syndrome virus), โรคแบคทีเรีย EMS (Early Mortality Syndrome) และโรคปรสิตต่างๆ นั้น อันดับแรกฟาร์มกุ้งควรใช้ลูกพันธุ์กุ้งที่ได้มาตรฐานและผ่านการตรวจเฝ้าระวังโรคในขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด เช่น การตรวจแบบล็อตต่อล็อต (lot-by-lot)
นอกจากนี้ การบริหารจัดการฟาร์มตามหลักไบโอซีเคียวริตี้ (Biosecurity) เป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเชื้อโรคในบ่อ การป้องกันการนำโรคเข้าสู่ฟาร์ม และการเฝ้าระวังสุขภาพกุ้งอย่างสม่ำเสมอ เทคโนโลยีทางด้านชีวภาพและโมเลกุล เช่น การตรวจด้วยเทคนิค PCR ถูกนำมาใช้เพื่อการตรวจสอบเชิงรุก ช่วยให้สามารถป้องกันและควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ข้อมูลและเทคโนโลยีการเลี้ยงกุ้งที่ทันสมัยช่วยตอบโจทย์ความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับความปลอดภัยของกุ้งเลี้ยง นับเป็นการสร้างความมั่นใจว่ากุ้งเลี้ยงได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยมีความสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพเทียบเท่าหรือสูงกว่ากุ้งจากธรรมชาติ
จากแนวคิดและข้อมูลของ ดร.พุทธ ส่องแสงจินดา การเลี้ยงกุ้งที่มีประสิทธิภาพสูงในไทยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงผลผลิตที่มากขึ้น แต่ยังคำนึงถึงความสะอาดในระบบน้ำและการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด เป็นการทำให้กุ้งเลี้ยงมีคุณภาพดีและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศหรือตลาดส่งออก
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีช่วยให้การจัดการฟาร์มเป็นไปอย่างเป็นระบบและแม่นยำมากขึ้น พร้อมกับสร้างความมั่นใจว่ากุ้งไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม