xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.ภ.7 ผนึกผู้ว่าฯ นครปฐม แถลงปิด 5 คดีใหญ่ รวบแก๊งค้ายา 4.1 ล้านเม็ด – มือปืนรับจ้างล้างหนี้ 100 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมผู้ว่าฯ นครปฐม แถลงผลการปฏิบัติการปิด 5 คดีสำคัญในพื้นที่ รวมทั้งคดียาเสพติดมูลค่าหลายสิบล้านบาท ยึดยาบ้ากว่า 4.1 ล้านเม็ด พร้อมรวบมือปืนรับจ้างล้างหนี้กว่า 100 ล้านบาท คดีฆาตกรรม–พยายามฆ่า–ยิงกันในครอบครัว ย้ำบูรณาการทุกภาคส่วน ดึงเทคโนโลยีและนิติวิทยาศาสตร์ร่วมคลี่คลายคดี

วันนี้ (14 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐมพล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์, พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย, พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล, พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผบก.สส.ภ.7 และ นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ร่วมแถลงข่าวผลการปฏิบัติการปิดคดีสำคัญ 5 คดี โดยเฉพาะการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) กว่า 4.1 ล้านเม็ด รวมมูลค่าหลายสิบล้านบาท

พล.ต.ท.พิสิฐ เปิดเผยว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นผลจากการบูรณาการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 ฝ่ายปกครอง ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดนครปฐม โดยมุ่งเน้นสกัดกั้นอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันเหตุอุกฉกรรจ์ที่เกิดซ้ำในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับคดีแรก ซึ่งถือเป็นคดีใหญ่ที่สุด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายประภากร หรือ “ยุ่ง” ชินอักษร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/3 หมู่ 6 ตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พร้อมของกลางยาบ้า ประมาณ 4,100,000 เม็ด ยาเคตามีน 3 ถุง น้ำหนักรวม 3.15 กรัม และยานพาหนะ 3 คัน รวมถึงโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
ผู้ต้องหาถูกจับได้บริเวณริมถนนเพชรเกษม สี่แยกปากท่อ หมู่ 4 ตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา

การสืบสวนพบว่า นายประภากรมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรมต่อเนื่องกว่า 4 เดือน ก่อนสกัดจับได้พร้อมของกลางจำนวนมหาศาล ซึ่งคาดว่าจะถูกลำเลียงกระจายต่อในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง

คดีที่สอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายอาภากร หรือ “รักษ์” เจริญลาภ มือปืนรับจ้าง และ นายวรวิทย์ หรือ “บอย” เบ็ญพาด ผู้จ้างวาน โดยทั้งคู่รับงานลอบยิงเพื่อชำระหนี้สินมูลค่ากว่า 130 ล้านบาท แม้ขณะนี้ยังไม่เปิดเผยชื่อผู้บงการ แต่ตำรวจมีข้อมูลเชื่อมโยงและอยู่ระหว่างขยายผลเพื่อติดตามผู้สั่งการรายใหญ่ คดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการฝากขังและสอบสวนเพิ่มเติม

คดีที่สาม ตำรวจจับกุม นายสุวัฒิ สามบุญศรี อายุ 52 ปี ที่อยู่ 5 หมู่ 4 ตำบลลำลูกบัว อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ผู้ต้องหาถูกจับได้ที่ตึกแถวแห่งหนึ่งในซอยจันทน์ 23/2 เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ หลังหลบหนีไปได้ไม่นานจากเหตุแทง นายเกื้อ สิงห์สนั่น อายุ 55 ปี อาชีพวินจักรยานยนต์ เสียชีวิตบริเวณริมถนนคลองรางเตย ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา
สาเหตุเบื้องต้นมาจากความขัดแย้งส่วนตัว ก่อนจะลงมือแทงผู้ตายหลายแผลจนเสียชีวิต

คดีที่สี่ ตำรวจภูธรสามพรานจับกุม นาย Zaw Zaw Lin อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา ในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็น” ผู้ต้องหาก่อเหตุแทงเพื่อนร่วมงานภายในโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด (โรงงานไวไว) หมู่ 2 ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้ภายในโรงงานทันที พร้อมของกลางมีดที่ใช้ก่อเหตุ

คดีที่ห้า เจ้าหน้าที่จับกุม นาย นราธิป นาคโสมกุล อายุ 29 ปี (ลูกเขย) ฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” จากเหตุยิง นาย ดอกเลา กลิ่นเจริญ อายุ 59 ปี (พ่อตา) เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 41/1 หมู่ 1 ตำบลห้วยด้วน อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม
ของกลางที่ตรวจยึดได้ประกอบด้วย อาวุธปืน Glock ขนาด 9 มม. ที่ใช้ก่อเหตุ และปืนสั้นไทยประดิษฐ์ของผู้ตายอีก 1 กระบอก สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งภายในครอบครัว ก่อนที่ลูกเขยจะคว้าปืนยิงพ่อตาเสียชีวิตในบ้าน

นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวภายหลังการแถลงว่า การปฏิบัติการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ในการติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาและขบวนการค้ายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ว่าฯ ยืนยันว่า จังหวัดนครปฐมจะยังคงบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเร่งปราบปรามปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากพื้นที่










กำลังโหลดความคิดเห็น