นครปฐม - รวบ “รักษ์ เจ้าสัว” มือปืนตัวฉกาจคู่ “บอย เบ็ญพาด” อดีตตำรวจ หลังบุกยิง “เสี่ยเปี๊ยก” เจ้าของธุรกิจดังเมืองนครปฐมเจ็บสาหัส สารภาพรับงานจากนายทุนทวงหนี้กว่า 130 ล้านบาท ตร.ลั่นคดีไม่จบแค่นี้ เดินหน้าสาวถึงผู้บงการ
วันนี้( 14 ต.ค.) พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง อาทิ พล.ต.ต.ชมชวิณ อุปุระธนานนท์, พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล, พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย, พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ, พล.ต.ต.ไพศาล พฤกษจำรูญ และ พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล รอง ผบช.ภ.7 รวมถึง นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และ พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ร่วมกันแถลงผลการจับกุมสองผู้ต้องหาสำคัญในคดีอุกฉกรรจ์ “บุกยิงเสี่ยเปี๊ยก” กลางเมืองนครปฐม ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 17.48 น. ขณะนายระวี อารยวัฒนเวช อายุ 75 ปี หรือ “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจเจ้าของกิจการหลายแห่ง รวมถึงร้านอาหารชื่อดัง “ครัวดอกไม้ป่า” ในเขตอำเภอเมืองนครปฐม ถูกคนร้ายบุกยิงต่อหน้าประชาชน บริเวณหน้าร้านดังกล่าว ก่อนคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์สร้างความแตกตื่นแก่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณนั้น
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.พิสิฐ สั่งการให้กองสืบสวนภาค 7 และชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม เร่งคลี่คลายคดีเป็นการด่วน โดยใช้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดกว่า 30 ตัวในรัศมี 5 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ เพื่อไล่เส้นทางหลบหนีของคนร้าย ก่อนพบว่าคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA READ 125 สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และสวมรองเท้าผ้าใบหุ้มส้นสีขาว ซึ่งภายหลังกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การระบุตัวผู้ก่อเหตุ
หลังจากใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้สองราย คือ นายอาภากร หรือ “รักษ์ เจ้าสัว” เจริญลาภ อายุ 43 ปี ชาวเพชรบุรีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม เลขที่ จ.1154/2568 ในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” พร้อมข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืนหลายกระทง และ นายวรวิทย์ หรือ “บอย เบ็ญพาด” อายุ 50 ปี ชาวกาญจนบุรี อดีตข้าราชการตำรวจ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม เลขที่ จ.1155/2568 ในข้อหา “เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
นายรักษ์ เจ้าสัว ถูกจับกุมได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ต้นมะม่วง อ.เมืองเพชรบุรี พร้อมของกลางปืนพกขนาด 11 มม. กระสุนกว่า 40 นัด และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ส่วน “บอย เบ็ญพาด” ถูกจับที่รีสอร์ต “ละลานตา แคมป์ปิ้ง คาเฟ่” ในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี หลังพยายามหลบหนีไปกบดาน
พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เปิดเผยว่า จากประวัติของนายอาภากร หรือ “รักษ์ เจ้าสัว” ถือเป็นมือปืนที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ภาคตะวันตก เคยตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อปี 2549 จากคดียิงนักศึกษาราชภัฏนครปฐมเสียชีวิตภายในร้านอาหารของตนเอง ก่อนถูกจับติดคุกนานกว่า 10 ปี พ้นโทษออกมาในปี 2559 เจ้าตัวกลับมามีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ในฐานะดาว TikTok ที่มักโพสต์คลิปโชว์ไลฟ์สไตล์และความเท่แบบนักเลงรุ่นใหญ่ มีผู้ติดตามหลายหมื่นคน ก่อนหวนกลับเข้ามาพัวพันคดีอาชญากรรมอีกครั้งในปีนี้
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายรักษ์ เจ้าสัว ให้การว่า ได้รับการติดต่อจาก “นายบอย เบ็ญพาด” ให้ช่วยติดตามหนี้สินจำนวน 130 ล้านบาท ที่ “เสี่ยเปี๊ยก” ติดไว้กับบุคคลใกล้ชิดของนายบอย โดยมีค่าจ้างดำเนินการ 1.3 ล้านบาท
คนร้ายทั้งสองได้วางแผนติดตามพฤติกรรมของผู้เสียหายหลายวัน โดยเฝ้าทั้งที่บ้านพักและร้านอาหาร ก่อนตัดสินใจก่อเหตุบริเวณหน้าร้าน “ครัวดอกไม้ป่า” เนื่องจากมีกล้องวงจรปิดน้อยกว่าบริเวณบ้านพัก โดยนายรักษ์ เจ้าสัว รับว่าได้รับเงินล่วงหน้า 50,000 บาท เพื่อนำไปซื้อรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ และได้รับเงินอีก 500,000 บาท หลังลงมือสำเร็จ ก่อนจะเตรียมรับส่วนที่เหลืออีกกว่า 700,000 บาท
“มือปืนรายนี้มีความชำนาญสูงมาก ใช้เทคนิคเปลี่ยนสีรถถึงสามครั้งจากแดงเป็นดำ และพ่นทับอีกชั้นเป็นสีเทา รวมถึงสวมเสื้อสามชั้นเพื่อพรางตัว แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นสายตาและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ของเจ้าหน้าที่” พล.ต.ต.พิทักษ์ กล่าว
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า แม้สามารถจับกุมมือปืนและผู้ว่าจ้างได้แล้ว แต่เชื่อว่ายังมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง โดยได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อตามตัว “นายทุนใหญ่” ที่สั่งการในคดีนี้ คดีนี้ไม่จบแค่สองคนแน่นอน เรามีข้อมูลเชิงลึกบางส่วนแล้ว และจะสาวไปถึงผู้บงการให้ได้ ไม่ว่าเขาจะมีอิทธิพลหรือมีตำแหน่งใด เราจะทำตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างเด็ดขาด