เชียงราย – ฉลองสัมพันธ์ 50 ปี..สมาคมมิตรภาพไทย-จีน นำขบวนคาราวาน กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง 4,000 กิโลฯ ขับรถยนต์ไฟฟ้า BYD Sealion 6 DM-I ข้ามน้ำโขงผ่านเส้นทางยุทธศาสตร์อาร์สาม สปป.ลาว เข้ายูนนาน หวังดึงคาราวานจีนเที่ยวไทยเพิ่มอีกทาง
สมาคมมิตรภาพไทย-จีน ได้นำคณะจำนวน 48 คน เดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า BYD Sealion 6 DM-I จำนวน 13 คัน ตามโครงการคาราวานแรลลี่ "ครั้งหนึ่งในชีวิต กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง" 10-25 ต.ค.ฉลองมิตรภาพระหว่างทั้ง 2 ประเทศครบรอบ 50 ปี ออกจากกรุงเทพฯ ผ่านจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 อ.เชียงของ จ.เชียงราย เข้า สปป.ลาว - ปักกิ่ง รวมระยะทางประมาณ 4,000 กิโลเมตร
ซึ่งนางสิริเกศอนงค์ ไตรรัตนทรงพล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท.นายขจรเดช อภิชาตตรากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ นางสาวยุรีพรรณ แสนใจยา ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเชียงราย และผู้เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับคาราวานแรลลี่ ที่เดินทางไปถึงชายแดนไทย-สปป.ลาว อ.เชียงของ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.
รุ่งขึ้น(12 ต.ค.)นายพรชัย พรศิริโกศล กรรมการบริหารสมาคมมิตรภาพไทย-จีน ได้นำคณะทำเอกสารผ่านด่านแดนเข้าไปยังเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว และเดินทางต่อไปตามถนนอาร์สามเอผ่านแขวงหลวงน้ำทา เมื่อถึงชายแดนไทย สปป.ลวา ที่เมืองบ่อหาน แขวงหลวงน้ำทา ก็จะทำเรื่องผ่านแดนเข้าไปยังเมืองโมฮาน มณฑลยูนนาน ประเทศจีน และคณะจะเดินทางไปจนสิ้นสุดถนนอาร์สามเอในมณฑลยูนนาน ก่อนจะมุ่งหน้าไปตามเส้นทางสู่กรุงปักกิ่งต่อไป
นายพรชัย กล่าวว่าคาราวานแรลลี่ครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปีแล้ว ยังจะถือโอกาสเชิญชวนให้จีนจัดคาราวานมาเยือนประเทศไทยด้วย ซึ่งเราจะเขียนหน้าประวัติศาสตร์ร่วมกันว่าการขับรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงปักกิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ จากเดิมที่มักคิดกันว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลจีนจะอนุญาตให้รถที่จดทะเบียนภายในเมืองเท่านั้น และยังมีการกำหนดวันคู่วันคี่ในการเดินทางเข้าสู่เมืองอีกด้วย
แต่ครั้งนี้คาราวานแรลลี่ของประเทศไทยสามารถเดินทางเข้ากรุงปักกิ่งได้เลยเพราะถือเป็นวาระพิเศษผ่านการประสานงานของสมาคมที่มีความสัมพันธ์กับประเทศจีนมาตั้งแต่ยุค "เติ้ง เสี่ยวผิง" เป็นผู้นำ การเดินทางก็ใช้รถยนต์ BYD Sealion 6 DM-I ซึ่งผลิตจากบริษัทของจีน
ด้านนางสิริเกศอนงค์ กล่าวว่ากิจกรรมครั้งนี้ถือจะเป็นเวทีสำคัญในการเผยแพร่ภาพลักษณ์ไทยผ่านการรายงานข่าวของสื่อมวลชนชั้นนำไปยังสายตาชาวจีน พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ Two-Way Tourism เชื่อมโยงความสัมพันธ์ไทย-จีน ให้แน่นแฟ้น ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ด้วย.