เชียงใหม่-ตำรวจเชียงใหม่ตามรวบผู้ต้องหาตามหมายจับ ก่อเหตุโชกโชนในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งอุ้มเรียกค่าไถ่,ข่มขู่รีดทรัพย์,ยิง และยาเสพติด หลบหนีกบดานภาคเหนือ ติดอันดับบัญชีสำนักงานตำรวจแห่งชาติค่าหัว80,000บาท
วันนี้(11ต.ค.68)รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รับการประสานจาก ตำรวจภูธรภาค 9 นำโดย พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.สส.ภ.9 / หน.ศนรด. ว่ามีผู้ต้องหารายสำคัญ ซึ่งมีพฤติกรรมอุกอาจและหลบหนีหมายจับคดีอุ้มเรียกค่าไถ่และยาเสพติด ได้มากบดานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เสวก ชูศิริ ผกก.สภ.ช้างเผือก และ พ.ต.อ.จิรภาส ศักดิ์สูง ผกก.สภ.สารภี สนธิกำลังร่วมกันตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย
จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ในที่สุด คือ นายกิตติพศ น้ำผุด อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นบุคคลตาม หมายจับศาลจังหวัดสตูล ในข้อหา “ร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไป โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น” อีกทั้งยังเป็นบุคคลตามบัญชีประกาศสืบจับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2568 ลำดับที่ 189 มีค่าหัวจำนวน 80,000 บาท
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 293/6 หมู่ 6 ตำบลยางเนิ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีต่อยัง สภ.ละงู จังหวัดสตูล โดย พ.ต.อ.จิรภาส ศักดิ์สูง ผกก.สภ.สารภี เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่านายกิตติพศฯ หลบหนีมากบดานอยู่กับแฟนสาวในบ้านเช่า จึงได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ และเข้าตรวจค้นตามขั้นตอน เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังปิดล้อมก่อนส่งสัญญาณเรียกให้เปิดประตู จากนั้นผู้ต้องหาเดินออกมาพร้อมหญิงสาว ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.มวิภา เครือสุวรรณ์ เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้นและหมายจับให้ตรวจสอบ ซึ่งนายกิตติพศฯ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ก่อนถูกควบคุมตัวไว้
จากประวัติพบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมอุกอาจหลายคดีในอดีต ทั้งคดียาเสพติด การต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ และคดีใช้อาวุธปืนยิงคู่อริ โดยในปี 2558 เคยก่อเหตุยิงกันหน้าศาลเจ้าพ่อหมื่นราม จังหวัดตรัง ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสสองราย ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 นายกิตติพศฯ ร่วมกับพวก 5 คน ก่อเหตุ อุ้มหญิงสาวพร้อมเพื่อนชาย จากพื้นที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ไปกักขังในคอกวัว ก่อนข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ใช้อาวุธปืนข่มขู่ และรีดไถเงินจากผู้เสียหายหลายแสนบาท รวมถึงบังคับให้ผู้เสียหายกดเงินสดและถอดทองรูปพรรณส่งให้ เพื่อแลกกับการปล่อยตัว
นอกจากนี้กลุ่มคนร้ายยังได้พาผู้เสียหายตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มหลายแห่งในจังหวัดพัทลุงและตรัง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200,000 บาท ก่อนพยายามพาผู้เสียหายหลบหนีขึ้นเหนือ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ละงู จ.สตูล, ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง, และ ตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมกันสกัดจับได้ระหว่างทาง ซึ่งภายหลังการสอบสวนเพิ่มเติม พบว่านายกิตติพศฯ เป็นหัวโจกในคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ และยังพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ มีพฤติกรรมรุนแรง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และเคยถูกจับหลายครั้งแต่ยังหลบหนีมากบดานภาคเหนือ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวส่งดำเนินคดีตามหมายจับ และประสานพื้นที่ต้นทางเพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป.