xs
xsm
sm
md
lg

“อนุทิน” ติดตามพื้นที่ประสบอุทกภัยลุ่มเจ้าพระยา สั่งปรับลดอัตราการระบายน้ำ- เร่งรัดการชดเชยเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชัยนาท - “นายกอนุทิน” ติดตามพื้นที่ประสบอุทกภัยลุ่มเจ้าพระยา สั่งปรับลดอัตราการระบายน้ำ เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน เร่งรัดการชดเชยเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด

วันนี้ (10 ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพื่อร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยมี สส.พรรคภูมิใจไทย อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ นายมณเฑียร สงฆ์ประชา นางนันทนา สงฆ์ประชา และนายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้การต้อนรับ

โดยเข้ารับฟังรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากนายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท และ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่รายงานถึงสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และรับฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำและความก้าวหน้าแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างจากกรมชลประทาน หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณประตูเขื่อนเจ้าพระยา และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนที่จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เดินทางต่อไปยัง อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อพบปะกับประชาชนที่ประสบอุทกภัย

สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นายอนุทิน ได้กล่าวมอบนโยบายและแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เนื่องจากในห้วงที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดฝนตกหนักสะสมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลได้รับรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด ขณะนี้แม้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฤดูฝน แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรอบคอบ เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะมาถึง รัฐบาลได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการอย่างเต็มที่ในการทำงานเชิงรุก และรายงานผลให้รัฐบาลทราบอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ ได้มอบข้อสั่งการสำคัญเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในช่วงเวลานี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรม ดังนี้
 
1. ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและกรมชลประทาน ปรับลดอัตราการระบายน้ำของเขื่อนหลักทั้งสี่แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปริมาณฝนและความต้องการใช้น้ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บกักน้ำเป็นปริมาณต้นทุนสำหรับฤดูแล้ง และในขณะเดียวกันใช้เป็นมาตรการลดผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ตอนล่าง เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
 
2. ให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการบริหารจัดการน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยลดการระบายน้ำให้น้อยที่สุดภายใต้กรอบความปลอดภัยของเขื่อน และจัดสรรน้ำเข้าคลองฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อกระจายและชะลอมวลน้ำ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งให้ประสานการทำงานกับ สทนช. เพื่อนำข้อมูลการคาดการณ์ฝนและการวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ และรายงานผลการดำเนินงานให้รัฐบาลทราบอย่างใกล้ชิด
 
3. ให้จังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัยร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งสำรวจข้อมูลความเสียหายของบ้านเรือน ทรัพย์สิน พื้นที่การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบให้มีความชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ ทั้งนี้ให้เร่งจ่ายค่าชดเชยเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด โดยยึดหลักอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และควบคู่กับการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อให้ชุมชนสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างเร็วที่สุด
 
4. ให้ สทนช. ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการร่วมกับกรมชลประทาน กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จัดทำแผนแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาว โดยเฉพาะการเร่งรัดโครงการสำคัญด้านการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้เข้าสู่แผนงานและงบประมาณของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งโครงการเร่งด่วนและโครงการระยะยาว เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน










กำลังโหลดความคิดเห็น