ศูนย์ข่าวศรีราชา- คดีมหากาพย์ "วอเตอร์ฟร้อนท์ พัทยา" ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10ปี จ่อถึงบทสรุป หลัง ป.ป.ช. ภาค 2 ชี้ชัดหนังสือรับรองโฉนดที่ตั้งอาคารไม่ชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุด เมืองพัทยา รอกรมที่ดิน ชี้ชะตาเพิกถอนหรือไม่
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เผยถึงความคืบหน้าคดีอาคาร “วอเตอร์ฟร้อนท์ คอนโดมิเนียม” ที่คาราคาซังมานานกว่า 10 ปี ว่ากำลังจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน หลังจากที่เมื่อ2 ปีก่อนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. ภาค 2 ได้มีหนังสือแจ้งมายัง เมืองพัทยาและอำเภอบางละมุง ว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ซึ่งออกจากเอกสาร ส.ค.1 และเป็นต้นทางของโฉนดที่ตั้งอาคารดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เนื่องจากเป็นการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่ไม่มีการครอบครองมาก่อนซ้ำยังมีประกาศกระทรวงมหาดไทย กำหนดเขตหวงห้ามเขาหรือภูเขา ซึ่ง เมืองพัทยาและอำเภอบางละมุง ได้มีมติสอดคล้องกับความเห็นของ ป.ป.ช. ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณะ และได้มีหนังสือตอบกลับไปแล้ว
และปัจจุบันเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กรมที่ดิน ว่าจะมีมติ “เพิกถอน” หรือ “ไม่เพิกถอน” โฉนดที่ดินดังกล่าว ซึ่ง เมืองพัทยาได้เตรียมดำเนินการตามมติของกรมที่ดินใน 2 แนวทาง
คือ 1.หากกรมที่ดินมีมติ “เพิกถอนโฉนด” เมืองพัทยาและอำเภอบางละมุง ก็จะดำเนินการให้เจ้าของอาคารรื้อถอนออกจากที่สาธารณะ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2553
และ 2. หากกรมที่ดิน “ไม่เพิกถอนโฉนด” เมืองพัทยา ก็จะพิจารณาคำขออนุญาตดัดแปลงอาคาร เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการต่อไปได้ ภายใต้กฎหมายควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นายปรเมศวร์ ยังเผยอีกว่าระหว่างที่รอผลมติจากกรมที่ดิน เมืองพัทยา ก็ได้ตั้งทีมเจ้าหน้าที่ ร่วมดูแลความปลอดภัยของตัวอาคารอย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับให้เจ้าของโครงการร่วมรับผิดชอบดูแล เพื่อไม่ให้เศษวัสดุจากอาคารตกหล่นลงมาสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว"
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าที่ผ่านมา สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี เขต 9 ได้เคยตั้งกระทู้ถามถึงความคืบหน้าโครงการดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และทุกครั้งที่มีการตั้งกระทู้ถาม กระทรวงมหาดไทย ก็จะมีหนังสือส่งมายัง เมืองพัทยาและอำเภอบางละมุง เพื่อให้เป็นผู้ชี้แจงข้อมูลต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยตรงอีกด้วย


