นครสวรรค์ - แม้บัวลอยจะสิ้นฤทธิ์-แมตโมยังไม่แผ่อิทธิพล ไทยเริ่มเข้าปลายฝนต้นหนาว..แต่ต้นเจ้าพระยา ยังระทม ชุมชนลุ่มต่ำริมฝั่งน้ำจากภาคเหนือ-ปากน้ำโพ ยังจมบาดาล บางหลังน้ำท่วมสูงร่วม 2 เมตร ต้องอพยพอยู่เต็นท์บนสะพานกันชั่วคราว
วันนี้(3 ต.ค.) แม้เริ่มย่างเข้าสู่ห้วงปลายฝนต้นหนาว พายุบัวลอยจะสิ้นฤทธิ์ ขณะที่แมตโม ที่เคลื่อนตัวเข้าทะเลจีนใต้ อาจไม่ส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก ชาวบ้านพื้นที่ต้นน้ำเจ้าพระยา ยังคงต้องผจญกับน้ำที่เอ่อท่วมบ้านเรือนยาวนาน
โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ และอยู่ติดกับริมแม่น้ำสายต่างๆ ต้นธารเจ้าพระยาที่พาดผ่าน ต่างถูกมวลน้ำจากแม่น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ตามๆ กัน อย่างชุมชนบ้านบางปรอง เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่เขตเศรษฐกิจ ถูกน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้ามาท่วมบ้านเรือน จนได้รับความเดือนร้อนไปแล้วกว่า 80 ครัวเรือน ซึ่งต้องอพยพย้ายขึ้นมาพักอาศัยอยู่ในเต็นท์ริมถนนที่ทางเทศบาลได้จัดเตรียมเอาไว้ให้
พื้นที่ ต.แควใหญ่ อ.เมืองนครสวรรค์ ยิ่งหนัก 5 ชุมชนหมู่บ้าน กว่า 500 หลังคาเรือนที่อยู่ติดกับแม่น้ำน่าน ก่อนไหลรวมเป็นเจ้าพระยา ต่างก็ต้องทนทุกข์กับการถูกน้ำน่านเอ่อล้นตลิ่งท่วมมานานกว่า 1 อาทิตย์แล้ว ท่ามกลางปริมาณน้ำยังคงไหลบ่าต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวจึงลงสำรวจพื้นที่ ต.แควใหญ่ พบว่า บนถนนที่ใช้สัญจรระหว่างหมู่บ้าน ต่างถูกน้ำท่วมจนเกือบหมด ระดับน้ำสูงเฉลี่ยกว่า 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถใช้สัญจรผ่านไปมาได้ แต่ที่หนักกว่า คือบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่ำริมถนน ต่างต้องทนทุกข์อยู่กับน้ำที่ท่วมบ้านสูงกว่า 1-2 เมตร ต้องนำเรือมาใช้พายเข้าออกระหว่างบ้านกับถนน
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากจะเดินทางเข้าออกจากบ้าน หรือไปไหนไม่สะดวกแล้ว ยังต้องเสี่ยงกับปลิงและยุง ซึ่งนายณรงค์ กิจเฉย อายุ 66 ปี ชาวบ้านพื้นที่หมู่ 4 ต.แควใหญ่ ระบุว่า น้ำจากแม่น้ำน่านปีนี้ถือว่ามาก แม้จะยังไม่เท่าปี 2554 แต่ทั้งตำบล ต่างก็ถูกน้ำท่วมไปตามๆ กัน
เมื่อถามถึงความเดือดร้อน นายณรงค์ กล่าวว่า แม้น้ำที่ท่วมอยู่จะไม่ใช้น้ำนิ่ง แต่ก็พบปัญหาว่ามีพื้นที่บางจุด ที่ไม่มีทางระบาย น้ำเริ่มเน่าเสียแล้ว จนทำให้เกิดปัญหายุงชุม และยังต้องเสี่ยงกับปลิงสูบเลือดสูบเนื้อที่ไหลมากับกระแสน้ำอีก ชาวหมู่ 4 ต.แควใหญ่ กำลังประสบกับปัญหาน้ำกัดเท้า ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจยังปากทางเข้าสู่พื้นที่ตำบลแควใหญ่ ก็พบว่า ทาง อบต.ในพื้นที่ ได้มีการนำเต็นท์ขึ้นไปตั้งไว้บนสะพานข้ามแม่น้ำน่าน เพื่อให้ประชาชนนำยวดยานพาหนะขึ้นไปจอดหนีน้ำชั่วคราว และมีชาวบ้านอีกบางส่วนที่อาศัยอยู่บ้านไม่ได้ เพราะน้ำท่วมหนัก ต้องอพยพพาครอบครัวย้ายขึ้นมาพักอาศัยอยู่ภายในเต็นท์ด้วย โดยยังไม่ทราบชะตากรรมว่า จะต้องใช้ชีวิตอยู่บนสะพานนานขนานไหน.