จันทบุรี -สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมนานาชาติ ถกมาตรการสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ข้ามชาติในพื้นที่ชายแดนจันทบุรี หลังพบคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพุ่งสูงถึง 5,898 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 412 ล้านบาท
วันนี้ (23 ก.ย.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเพื่อหารือแนวทางการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ โรงแรมมัลดีฟส์ บีช รีสอร์ท อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ และผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วม
อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม รวมถึงองค์กรชั้นนำอย่างสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) องค์การตำรวจสากล (INTERPOL) สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) และหน่วยสืบราชการลับสหรัฐ (Secret Service)
ในที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์และมาตรการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังแพร่หลาย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนอย่างจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชาเป็นระยะทางกว่า 87 กิโลเมตร และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงของขบวนการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เนื่องจากฝั่งตรงข้ามมีอาคารและคาสิโนที่เชื่อว่าเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากร ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาได้มีการหลอกลวงคนไทยและบังคับทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อช่วยเหลือเหยื่อกลับประเทศ
ขณะที่ข้อมูลจากระบบรับแจ้งความออนไลน์เผยให้เห็นว่า เฉพาะในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีเพียงแห่งเดียว มีคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีกว่า 5,898 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 412 ล้านบาท
ด้าน พลตำรวจตรี ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าการประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ เพื่อรับมือกับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต