เชียงใหม่ - "บิ๊กกุ้ง" แม่ทัพภาคที่ 2 ควง "ผู้พันต๊อด" โฆษกกองทัพบก ขึ้นเหนือ เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ “เรื่องจริงจากชายแดน (The true stories from the border)” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ท่ามกลางประชาชนและนักเรียนนักศึกษาเข้าร่วมรับฟังและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ถ่ายทอดประสบการณ์จริงจากพื้นที่ชายแดน ทั้งความเหน็ดเหนื่อย ความเสียสละ และความหมายแท้จริงของการปกป้องผืนแผ่นดิน พร้อมย้ำยังไม่เปิดด่านชายแดน ชี้ความมั่นคงคือปัจจัยที่มาก่อนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะสั้น
วันนี้ (15 ก.ย. 68) ที่ศูนย์ประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ร่วมกับกองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จัดการบรรยาย “เรื่องจริงจากชายแดน (The true stories from the border)” โดยมีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 หรือ “แม่ทัพกุ้ง” และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก หรือ “ผู้พันต๊อด” เป็นวิทยากรพิเศษบรรยายให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนกว่า 2,000 คนที่เข้าร่วมรับฟัง โดย "แม่ทัพกุ้ง" ได้เล่าประสบการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทหารไทยต้องตรึงกำลังประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้าม ท่ามกลางข้อจำกัดและแรงกดดันมหาศาล
ขณะเดียวกันยืนยันว่ากองทัพไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้เพียงตารางนิ้วเดียว พร้อมกล่าวสดุดีทหารกล้าที่เสียสละชีวิตเพื่อผืนแผ่นดินไทย พร้อมแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย และประณามการกระทำของกองกำลังกัมพูชาที่ใช้อาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมายจนทำให้ประชาชนชาวไทยเสียชีวิต โดยย้ำว่าหน้าที่ของทหารคือการปกป้องทั้งผืนดิน ครอบครัว และประชาชนผู้บริสุทธิ์ สำหรับการเปิดด่านชายแดน การตัดสินใจเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องพิจารณาหลายด้าน ขณะที่กองทัพมีหน้าที่เสนอข้อมูลจากพื้นที่จริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่ามาตรการด้านความมั่นคงจะพร้อมเต็มที่ และยังเป็นหนึ่งในยุทธวิธีด้านยุทธศาสตร์ ที่อาจสร้างความได้เปรียบและทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนคลี่คลายลงได้โดยไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ เพราะหากเร่งดำเนินการ อาจก่อให้เกิดปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสังคม ความมั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องมาก่อนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะสั้น
ด้าน "ผู้พันต๊อด" ได้กล่าวถึงบทบาทการสื่อสารในฐานะโฆษกกองทัพบก ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลจากแนวหน้าสู่สาธารณชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจ พร้อมย้ำว่ากองทัพพร้อมยืนเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในสนามรบด้านข้อมูลข่าวสาร ที่ทุกคนถือเป็นกำลังสำคัญไม่แพ้ทหารแนวหน้า นอกจากนี้ แม่ทัพกุ้งยังได้เชิญชวนนักเรียน นักศึกษา และคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจรักชาติ เข้าร่วมสมัครเป็นทหาร โดยชี้ว่ากำลังพลที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ เพราะการฝึกนายทหารที่แข็งแกร่งต้องใช้เวลานับปี ปัจจุบันทหารไทย 1 นายต้องต่อสู้กับข้าศึกมากถึง 10 นาย จึงจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพกำลังพลให้เข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม พร้อมฝากข้อคิดให้เยาวชนใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์ ไม่หลงเชื่อข่าวปลอม แต่ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อเสริมพลังทางสังคมไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และสง่างาม