ศูนย์ข่าวขอนแก่น-แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่มีการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคอีสาน เพราะ ยังมีกำลังทหารของกัมพูชาตรึงกำลังอยู่ และต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมด้วยที่จะพิจารณาในการเปิดด่านชายแดน
วันนี้(12 ก.ย.) ที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นวิทยากร ร่วมการเสวนาปัญหายาเสพติดของชายแดนอีสานใต้ฯ ตามโครงการสถานที่ทำงาน Happy DMS ประจำปีงบประมาณ 2568 กิจกรรม Happy Brain และ Happy Relax เพื่อให้ได้มีความรู้ ความเข้าใจ ในนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กฎหมายยาเสพติด และผลการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ประชาชนตระหนักถึงโทษพิษภัยยาเสพติด มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายยาเสพติด และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ตลอดจนทราบถึงเจตนารมณ์และความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา และปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้นโยบายรัฐบาลและกองทัพบก โดยเน้นย้ำการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และระบุว่าปัญหายาเสพติดกำลังลุกลามไปยังเด็กและเยาวชนในพื้นที่อย่างหนัก
พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น ทั้งด้านการสกัดกั้นตามแนวชายแดน การป้องกัน การปราบปราม และการบำบัดรักษา นอกจากนี้ กองทัพภาคที่ 2 ยังได้ปรับแผนเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามยาเสพติด โดยเน้นการใช้งานด้านการข่าวเป็นแกนหลักในการชี้เป้า พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ตลอดจนการบำบัดรักษาผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดในทุกพื้นที่ สนองตอบนโยบาย ผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยทหาร ตรวจสอบกำลังพลทุกนาย มิให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด และให้สนับสนุนการขจัดยาเสพติดให้สิ้นไปอย่างเต็มกำลังความสามารถ
พลโท บุญสิน กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเปิดด่านชายแดนในพื้นที่ 4 จังหวัดในเขตของกองทัพภาคที่ 2 นั้น จะต้องรอดูว่ากระทรวงกลาโหมหรือรัฐบาล ที่จะเป็นผู้ที่ออกคำสั่ง แต่ขณะนี้ทหารกัมพูชา ยังมีการตรึงกำลังอยู่จำนวนมาก ยังต้องปิดด่านชายแดนอย่างไม่มีกำหนด และป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องออกมาตอบคำถามกับชาวบ้าน ว่าการเปิดด่านชายแดนจะเปิดได้เมื่อไร เพราะในแต่ละพื้นที่สถานการณ์จะไม่เหมือนกัน ในส่วนของนักธุรกิจที่มีการค้าขายทั้ง 2 ประเทศ เรียกร้องให้มีการเปิดด่านในเรื่องนี้จะต้องมาดูภาพรวมของสถานการณ์แนวชายแดน และภาพรวมของความมั่นคงของประเทศด้วย ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะออกมาชี้แจงเรื่องนี้ต่อไป
ในส่วนกรณีที่มีบริษัทเอกชนมอบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ โดยมีการโพสต์ในเพจของกองทัพภาคที่ 2 ในเรื่องดังกล่าว ขณะนี้ยังไม่มีการเริ่มต้นเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการให้ความรู้การใช้โดรนกับทหาร แต่จะต้องดูข้อกฎหมายและบริษัทที่จะมาอบรม มีความน่าเชื่อถือเพียงใด เพราะจะต้องดูว่าแหล่งเงินทุนที่มาใช้ในการอบรมที่มาจากต่างประเทศนั้นมีเส้นทางการเงินไปมาอย่างไร มีหลักการและเหตุผลอย่างใดบ้าง จากนั้นจะได้ให้กองทัพบกมาร่วมพิจารณาว่าเห็นควรหรือไม่ เพราะเป็นการอยู่ในช่วงการหารือเท่านั้น และเป็นเรื่องที่จะต้องรอบคอบด้วย