น่าน - ผู้ประกอบการโรงแรม-ที่พักเมืองน่านปรับตัว..ก้าวสู่เส้นทาง "Green Hotel" ย้ำไม่ต้องทุนหนา แต่ทำแล้วได้ทั้งช่วย สวล.แทนคุณแผ่นดินถิ่นที่อยู่-รับโอกาสตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ อพท.น่านเตรียมหนุน 14 โรงแรม
ถ้าพูดถึง "Green Hotel" หลายคนอาจนึกถึงโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีทุนหนาและระบบบริหารจัดการสุดซับซ้อน แต่ในความเป็นจริง การก้าวเข้าสู่ความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องเริ่มจากความใหญ่โต หากเริ่มจาก “ความตั้งใจจริง” ของคนเล็กๆ ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กับธุรกิจและเทรนด์โลก
โดยเฉพาะเมื่อ “ตำบลในเวียง” จังหวัดน่าน ได้รับรางวัล Green Destinations Gold Award 2024 ซึ่งนับเป็นรางวัลเหรียญทองระดับนานาชาติครั้งแรกของอาเซียน ด้วยเส้นทางของรางวัล Top100 ที่เทศบาลเมืองน่านได้รับถึง 3 ปี คือปี 2020 ปี 2021 และปี 2023 เป็นโอกาสดีที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศจะรู้จักเมืองน่านมากขึ้น
นางสาวกัลยกมล สูงสว่าง หรือคุณมล เจ้าของโรงแรมเวียงแก้ว ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน ซึ่งเป็นโรงแรมที่ได้รับรางวัลด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม "Green Hotel" ระดับดีเยี่ยม 2 ครั้ง จากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากเสียงของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ติดต่อเข้ามา และถามว่าเป็น "Green Hotel" หรือไม่ รวมไปถึงเครือข่ายธุรกิจโรงแรมในจังหวัดน่าน ที่เคยถามถึงความอยากเป็นโรงแรมกรีนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นั่นแสดงให้เห็นถึงเทรนด์ของนักท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย เป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการเมืองน่านที่จะปรับตัว
คุณมลได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการนำพา “เวียงแก้ว” เข้าสู่กรีนโฮเทลว่า เกิดจาก “องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” หรือ อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน (อพท.น่าน) เชิญไปอบรมและศึกษาดูงานเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซึ่งทำให้เห็นว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เป็นการสร้าง “มาตรฐานใหม่ให้กับโรงแรมของตัวเอง” และอาจช่วยเสริมภาพลักษณ์ทางการตลาดได้ในอนาคต และพูดคุยกับพนักงานทุกคน สร้างความเข้าใจร่วมกัน ส่งทีมงานไปดูงานโรงแรมตัวอย่าง เริ่มทำเช็กลิสต์ที่เราทำว่าเข้าเกณฑ์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งผลคือเกินกว่า 50% เป็นสิ่งที่โรงแรมทำอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เคยจัดระบบหรือเก็บข้อมูลให้ชัดเจนเท่านั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้น
กุญแจสำคัญคือ ผู้ประกอบการมีใจอยากทำ และลูกน้องให้ความร่วมมือ เพราะจะต้องใส่ใจในเรื่องการเก็บสถิติต่างๆ เช่น การคัดแยกขยะ การบำบัดน้ำเสียและบ่อดักไขมัน ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งเชื่อว่าโรงแรมและที่พักทุกแห่งก็ต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เก็บสถิติ
“ข้อดีของการเป็นกรีนโฮเทล คือการเก็บบันทึกสถิติต่างๆ ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานประจำวันไปโดยปริยาย แม้ว่าด้านการตลาดอาจยังไม่เห็นผลชัดเจนในทันที แต่สิ่งที่ได้แน่ๆ คือระบบงานที่มีมาตรฐาน ประหยัดทรัพยากร และสร้างวินัยในการทำงานให้พนักงานอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญที่สุดคือความภาคภูมิใจในฐานะคนเมืองน่าน ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนแผ่นดินถิ่นที่อาศัยอยู่ และมีส่วนร่วมในการท่องเที่ยวยั่งยืน”
ด้าน นางสาวดวงพร ชอบประดิษฐ์ รอง ผจก.อพท.น่าน และนายสุรชัย บุญก้ำ เจ้าหน้าที่พัฒนาพื้นที่พิเศษ อพท.น่าน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ขับเคลื่อนการยกระดับผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดน่านให้เข้าสู่ระบบมาตรฐาน Green Hotel อย่างจริงจัง เปิดเผยถึงกิจกรรมยกระดับธุรกิจการท่องเที่ยวสู่การเป็น Low Carbon Destination ประจำปีงบประมาณ 2568 ซึ่งไม่เพียงเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะการสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการรายย่อย ที่สามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากต่างประเทศ ซึ่งให้ความสำคัญต่อเรื่องความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ
ในปีนี้มีโรงแรมในจังหวัดน่านที่เข้าร่วมกระบวนการทั้งหมด 14 แห่ง แบ่งเป็น Green Hotel 10 แห่ง Green Hotel Plus 3 แห่ง และ Good Travel seal มาตรฐานความยั่งยืนในระดับสากลอีก 1 แห่ง โดยโครงการยังคงเดินหน้าจัดอบรมให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างเวทีเรียนรู้จากพื้นที่ต้นแบบ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าร่วมเพิ่มขึ้นในอนาคต
แม้คำถามยอดฮิตจากผู้ประกอบการหลายราย คือ “แล้วการเป็น Green Hotel จะได้อะไร?” ซึ่งเจ้าหน้าที่ อพท.น่านให้มุมมองที่น่าสนใจว่า คำตอบอาจยังไม่ใช่ยอดจองที่เพิ่มขึ้นทันที แต่คือการวางรากฐานธุรกิจให้มั่นคงในระยะยาว และในอนาคตเมื่อมีภาคีเครือข่าย เช่น ททท. หรือบริษัทเอกชน เข้ามาสนับสนุนเรื่องการตลาดจริงจัง โรงแรมที่ผ่านมาตรฐานก็จะกลายเป็นส่วนสำคัญของแคมเปญระดับประเทศ ตั้งแต่การออกบูท ไปจนถึงการทำโปรโมชันร่วมกัน ซึ่งจะช่วยขยายฐานนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มต่างชาติให้มากยิ่งขึ้น
การเป็น Green Hotel อาจดูเหมือนเรื่องใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วหลายโรงแรมทำอยู่แล้วครึ่งทาง เพียงแต่ไม่เคยจัดระเบียบมันให้เป็นระบบเท่านั้น ซึ่งเมืองน่านที่กำลังขับเคลื่อนไปสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวยั่งยืน และนี่จะเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการภาคธุรกิจการท่องเที่ยว