สระแก้ว- ยังไม่หยุด! เขมรพาคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว 7 ประเทศลงพื้นที่บ้านบึงตะกวด จ.บันเตียเมียเจย ติด อ.ตาพระยา และบ้านหนองจาน ติดกับพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กล่าวหาไทยปิดเส้นทางหมู่บ้านในเขตเขมร ฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิง ด้านทหารไทยโต้ทันควันยันพื้นที่ที่เกล่าวถึงอยู่ในเขตแผ่นดินไทยตามหลักเขตแดนชัดเจน ชี้การวางยางรถยนต์และลวดหนามเป็นการปฏิบัติภายในอธิปไตยไทย
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ ( 14 ส.ค.) กองทัพกัมพูชา ได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Initial Observation Team – IOT) ตามข้อตกลงหยุดยิง ที่ประกอบด้วยผู้แทนจาก 7 ประเทศสมาชิก ประกอบด้วย บรูไน, อินโดนีเซีย, ลาว, เมียนมา, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เดินทางลงพื้นที่บ้านบึงตะกวน จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งมีพื้นที่ติดชายแดนไทยด้าน จ.สระแก้ว เพื่อทำการตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในระยะหลังเส้นทางการตรวจสอบ
โดยแบ่งคณะลงพื้นที่ 2 จุดหลัก คือ 1. จุดผ่านแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และ 2. จุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ. สระแก้ว ซึ่งทั้งสองจุดเป็นพื้นที่ติดแนวเส้นเขตแดนไทย–กัมพูชา และมีหลักเขตแดนปรากฏชัดเจน
ทั้งนี้ กองทัพกัมพูชา ได้นำคณะผู้ตรวจการณ์ไปดูยางรถยนต์เก่าและลวดหนามหีบเพลงที่ทหารไทย ติดตั้งไว้บริเวณแนวชายแดน พร้อมอ้างว่าเป็นการปิดกั้นเส้นทางเข้า–ออกของหมู่บ้านชาวกัมพูชาในฝั่งของตนเอง และยังกล่าวหาว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองประเทศ
ทหารไทย โต้ทันควันยืนยันข้อเท็จจริงพื้นที่ที่เขมรกล่าวถึงอยู่ในเขตแผ่นดินไทยตามหลักเขตแดนอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายทหารของไทย ยืนยันว่าพื้นที่ที่กัมพูชากล่าวถึงอยู่ในเขตแผ่นดินไทยตามหลักเขตแดนอย่างชัดเจน ซึ่งการวางยางรถยนต์และลวดหนามเป็นการปฏิบัติภายในอธิปไตยของไทย เพื่อรักษาความมั่นคงและควบคุมการเข้าออกพื้นที่ชายแดน ไม่ได้เป็นการละเมิดข้อตกลงใด ๆ
และข้อยืนยันว่าถ้อยแถลงเชิงกล่าวโทษของกัมพูชา ที่ได้กล่าวต่อคณะผู้ตรวจการณ์ว่า ตนเองมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการรักษาข้อตกลงหยุดยิง” ปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ แก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี และจะรักษาอธิปไตยรวมถึงบูรณภาพแห่งดินแดนของตน “ทุกวิถีทาง” นั้น เป็นการสื่อสารในลักษณะเอาดีใส่ตัวและโยนความผิดให้ฝ่ายไทย
ขณะที่บรรยากาศการลงพื้นที่ของฝ่ายกัมพูชาเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยมีทหารทั้งสองฝ่ายประจำจุดควบคุมและเฝ้าระวังตลอดเวลา ซึ่งคณะผู้ตรวจการณ์ได้จดบันทึกและถ่ายภาพเพื่อใช้ประกอบรายงาน ซึ่งจะถูกนำเสนอในระดับภูมิภาคต่อไป
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และเป็นสัญญาณว่าประเด็นข้อพิพาทเรื่องเส้นเขตแดนยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด