อุดรธานี
– ผู้แทนกรมวิชาการเกษตรพาผู้แทนบริษัทร่วมค้าก่อสร้างมหกรรมพืชสวนโลก เยี่ยมน้อง
“น้ำฝน” ผู้บาดเจ็บขาหักสองท่อนจากเหตุถนนภายในโครงการฯลื่นเพราะเศษฝุ่น โคลน
และดินตกจากรถบรรทุก พร้อมมอบเงิน 30,000 บาท แต่ไม่ระบุว่าเป็นค่าอะไร ด้านพ่อของน้องผู้เสียหายเผยเงิน
30,000 บาทไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาล เตรียมเข้าร้องขอความเป็นธํรรมจากกระทรวงเกษตรฯ
จากกรณีนางสาวนิธิกมล ทับชา หรือน้ำฝน อายุ 20 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 บ.ยางบึง ต.กุดสระ อ.เมืองอุดรธานี ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ตนประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มขณะขี่ผ่านถนนใกล้พื้นที่ก่อสร้างโครงการ “พืชสวนโลกอุดรธานี” สาเหตุเกิดจากเศษฝุ่น โคลน และดิน ที่หล่นจากรถบรรทุกก่อสร้าง ทำให้ถนนลื่นจนควบคุมรถไม่ได้ โดยรับบาดเจ็บขาหักสองท่อน และมีเพียงตัวแทนผู้รับเหมาก่อสร้างมาเยี่ยมและมอบกระเช้า ตามที่สื่อได้นำเสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้า กระทั่งทราบว่า หลังข่าวออกได้ 2-3 ผู้แทนจากกรมวิชาการเกษตร โดยนางสาวปวีณา เชยชุ่ม ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุดรธานี ผู้แทนบริษัทร่วมค้า ประกอบด้วย บริษัท นงนุชแลนด์สเคป จำกัด บริษัท บอริส จำกัด และบริษัท แมททริกซ์ จำกัด ได้มาเยี่ยมอาการบาดเจ็บของนางสาวนิธิกมล ทับชา หรือน้ำฝนที่บ้านพัก พร้อมมอบกระเช้าและเงินจำนวน 30,000 บาท ให้กับพ่อนางสาวนิธิกมล โดยไม่ระบุว่าเงินจำนวนที่ไห้เป็นค่าอะไรพร้อมบอกกับครอบครัวว่าจะมาเยี่ยมบ่อยๆ
นายนัน อายุ 53 ปี พ่อนางสาวนิธิกมล บอกว่า เมื่อวานนี้ มีตัวแทนจากส่วนราชการและภาคเอกชนที่ก่อสร้างโครงการพืชสวนโลก เดินทางมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บ พร้อมมอบเงินจำนวน 30,000 บาทและกระเช้าของเยี่ยม โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นค่าเยียวยาหรือค่าชดเชย เพียงกล่าวสั้น ๆ ว่า “ผอ. ก็ไม่ค่อยมีตังค์” ครอบครัวจึงเข้าใจว่าเป็นเงินช่วยเหลือส่วนตัวเพื่อเยี่ยมอาการบาดเจ็บเท่านั้น ส่วนแนวทางการช่วยเหลือระยะยาว ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะมีหรือไม่ เงินจำนวน 30,000 บาท ไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากลูกสาวยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแน่นอน
นางสาวนิธิกมล บอกว่า อาการบาดเจ็บดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมีอาการปวดและบวมอยู่บ้าง ที่สำคัญยังคงรู้สึกกังวลเรื่องการเดินทางไปเรียนจากหอพักไปมหาวิทยาลัย เนื่องจากระยะทางจากหอพักไปมหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล และในแต่ละคาบเรียนต้องมีการเปลี่ยนอาคารเรียน ตอนนี้คิดว่าคงต้องอาศัยเพื่อนช่วย ตอนนี้ตั้งใจว่าจะพยายามกลับไปเรียนต่อให้จบ ส่วนบาดแผลจากการผ่าตัดแม้จะทำให้รู้สึกเสียใจเพราะอาจกลายเป็นแผลเป็น ส่วนตัวก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับใครอีก
สำหรับเงินช่วยเหลือจำนวน 30,000 บาท ตนมองว่าไม่เพียงพอต่อการดูแลรักษา แต่อย่างไรก็ตามอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาแสดงความรับผิดชอบและช่วยเหลือเยียวยาเพื่อไม่ให้กระทบต่ออนาคต ทั้งนี้อนาคตตนวางแผนไว้ว่าหากเรียนจบแล้ว อยากทำงานเป็นล่ามทางการแพทย์ หรือไม่ก็ประกอบธุรกิจส่วนตัว
ด้านนายภานุมาศ จิตรวสินกุล เจ้าของเพจ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” เปิดเผยว่า เงินจำนวน 30,000 บาท ที่ผู้บาดเจ็บได้รับนั้น ดูแล้วไม่น่าจะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งในปัจจุบันและระยะยาว ดังนั้น แนวทางการช่วยเหลือต่อจากนี้ คือ จะพาคุณพ่อของน้องน้ำฝนไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมมากขึ้น