ตราด – ผู้ประกอบการเกาะช้าง ไม่เชื่อมั่นข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชาเกิดได้จริง เหตุรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศไร้เสถียรภาพ ล่าสุดกระทบภาพรวมท่องเที่ยวบนเกาะช้างที่ในวันนี้นักท่องเที่ยวหายแล้ว 90% จี้รัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือ หวั่นลากยาวถึงไฮซีซั่น
วันนี้ ( 8 ส.ค.) นายสัคศิษฎ์ มุ่งการ อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ตราด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะช้าง ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย - กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2568 ที่ผ่านมาซึ่งทั้ง 2 ชาติเห็นพร้องในข้อตกลงดังกล่าว โดยมีแนวปฏิบัติร่วมกัน 13 ข้อและ 1 ในนั้นคือ ยติการใช้อาวุธทุกประเภท และให้วางกำลังในที่ตั้งปัจจุบันตามสถานะวันที่ 28 ก.ค.2568 ว่าในส่วนตัวแล้วยังไม่เชื่อมั่นว่าจะเกิดขึ้นได้จริง
เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองและความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลทั้งสอประเทศ จึงทำให้ไม่ค่อยเชื่อมั่นในคำสั่งหยุดยิง
ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานเขมร ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคงานบริการและการก่อสร้าง ที่ขณะนี้ได้ทยอยเดินทางกลับประเทศอย่างต่อเนื่องจนทำให้ ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือแรงงาน
เขมรในพื้นที่เกาะช้าง โดยมีแค่เพียงชาวเขมรที่ตั้งรกรากและมีครอบครัวอยู่ในพื้นที่ท่านั้น
“ การแก้ปัญหาในปัจจุบัน ผู้ประกอบการ ได้หันมาใช้แรงงานไทยในท้องถิ่นและนักศึกษาฝึกงาน ซึ่งก็สามารถช่วยพยุงสถานการณ์ในภาคงานบริการของโรงแรมและร้านอาหารได้ แต่ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักสุด คือ ธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงแรงงานจากภาคอีสานบางส่วนเท่านั้น” อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ตราด กล่าว
ด้าน นางพรทิพย์ สุนทรกิจ ผู้จัดการโรงแรมไชยเชษฐ์ รีสอร์ท บอกว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวบนเกาะช้างขณะนี้เงียบเหงาเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์บริเวณชายแดน ทำให้ลูกค้าจำนวนมากขอเลื่อนการเข้าพักและยกเลิกการจอง โดยเฉพาะกลุ่มสัมมนาซึ่งเป็นลูกค้าหลัก
“ ลูกค้าบางส่วนมองว่า จ.ตราด มีความน่ากลัว ทั้งที่เราพยายามบอกว่าเกาะช้าง ยังเดินทางมาได้ตามปกติและปลอดภัยดีอยู่ แต่ในวันนี้ยอดจองห้องพักของรีสอร์ท ลดลงไปเกือบ 90% แล้ว และคาดว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ บนเกาะก็ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน”
นางพรทิพย์ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ แม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชายแดนโดยตรงก็ตาม เนื่องจากผู้ประกอบการ ยังมีภาระหนี้สินที่ต้องชำระกับธนาคาร โดยเฉพาะมาตรการลดอัตราดอกเบี้ย, การยืดเวลาชำระหนี้ หรือมาตรการผ่อนปรนอื่นๆ เหมือนที่เคยมีมา
“ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ติดชายแดน แต่ก็ได้รับผลกระทบทางอ้อม และยังมีความกังวลว่าสถานการณ์อาจยืดเยื้อไปจนถึงช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น และหากเป็นเช่นนั้นก็เชื่อจะเกิดผลกระทบอย่างหนักแน่นอน “นางพรทิพย์ กล่าว