เสียงสะท้อนจากชาวตะวันออก กรณีรัฐบาลกัมพูชาได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการแถลงข่าวของ โฆษกกองทัพเขมร ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หลังพยายามขอส่งตัวผู้ป่วยและทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและเขมร เข้ารักษาในโรงพยาบาลของไทย
โดยมีเนื้อหาระบุว่า "ทางเขมรรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่า กองทัพ ขอส่งคนป่วยรักษาที่ เสียม ก็ไม่ยอมให้ไป พวกเสียมไม่มีน้ำใจ" จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในกลุ่มชาวเน็ตและประชาชนคนไทยนั้น
ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนจันทบุรี บอกว่าคำกล่าวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เป็นการสื่อสารที่ไม่ตรงไปตรงมาเท่านั้น แต่ยังสร้างความรู้สึกถึงการถูกมองข้ามความสัมพันธ์อันดีและหลักมนุษยธรรมที่ประเทศไทยได้ยึดถือและปฏิบัติมาโดยตลอดในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด
อีกทั้งคำกล่าวที่สวนทางกับความเป็นจริง ยังได้กระตุ้นให้เกิดคำถามมากมายถึงเบื้องหลังและความเข้าใจระหว่างสองชาติ ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายความสัมพันธ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
เช่นเดียวกับผู้ที่ทำงานในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดภาคตะวันออก ที่บอกว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทย ให้การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่เลือกชาติพันธุ์ ศาสนา หรือภาษา เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของนโยบายด้านมนุษยธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายแดน จ.จันทบุรี และสระแก้ว ซึ่งเปรียบเสมือนด่านหน้าของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
" เจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันบูรณาการเพื่อมอบความช่วยเหลือแก่ชาวกัมพูชามาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในช่วงเวลาที่แรงงานชาวกัมพูชาต้องเดินทางกลับประเทศ เจ้าหน้าที่ก็ได้ระดมกำลังพลเพื่ออำนวยความสะดวกในการระบายผู้คนข้ามพรมแดนอย่างรวดเร็วและปลอดภัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและรักษามาตรฐานสุขอนามัย ทั้งยังช่วยลดความแออัดของแรงงานที่มาขอเดินทางกลับประเทศ"
ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ การช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ยากจะปฏิเสธได้ ตั้งแต่การส่งมอบยารักษาโรค, การจัดรถพยาบาลรับ-ส่งผู้ป่วยข้ามพรมแดนเพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของไทย
กระทั่งล่าสุดที่มีการประสานงานรถพยาบาลเพื่อส่งแรงงานชาวกัมพูชาที่ใกล้คลอดกลับประเทศอย่างปลอดภัยซึ่งเป็นความร่วมมืออันดีเยี่ยมที่เกิดขึ้นระหว่างหน่วยประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา
และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีงามบริเวณชายแดน
" ประเด็นที่น่าสนใจและเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของชาวกัมพูชาที่มีต่อมาตรฐานทางการแพทย์ของไทย คือกรณีที่นักการเมืองและนายทหารระดับสูงของกัมพูชาหลายรายที่เลือกเดินทางเข้ามารับการรักษาตัวในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในความเป็นจริงแล้ว มาตรฐานทางการแพทย์ของไทยเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่ชนชั้นนำของกัมพูชา"
และยังบอกอีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเสมือนหลักฐานที่จับต้องได้ถึงความมีน้ำใจและไมตรีจิตของไทย ที่มอบให้แก่เพื่อนบ้านมาโดยตลอด ทั้งในระดับสามัญชนและชนชั้นปกครอง