เชียงใหม่-รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำ Kick Off มอบบัตรประชาชนและบัตรชมพู แก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล ตามมติ ครม. 27 ต.ค. 67 ให้ประชาชนพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ 2,000 คน เน้นย้ำรากฐานสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
วันนี้ (1 ส.ค. 68) ที่ว่าการอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรม Kick-off การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานานและกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ซึ่งดำเนินการโดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อแสดงออกถึงการให้ความสำคัญแห่งสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งแสดงเจตจำนงของรัฐบาลในการสร้างความเสมอภาคทางสังคม
โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เยี่ยมชมบูทนิทรรศการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลของกรมการปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นได้ประกอบพิธีเปิดกิจกรรมอย่างเป็นทางการ โดยได้นำคณะผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารและส่วนราชการในจังหวัดเชียงใหม่ และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมกันมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ตัวแทนผู้ที่ได้รับอนุมัติสัญชาติไทย (บัตรประชาชน) และ หนังสือรับรองการได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (บัตรชมพู) รวมจำนวน 200 คน บนเวที นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการมอบบัตรประชาชนและบัตรชมพูให้กับกลุ่มประชาชนพี่น้องชนเผ่าที่มาจากพื้นที่ 5 อำเภอ คือ อำเภอฝาง เวียงแหง แม่อาย ไชยปราการ และเชียงดาว รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 คน
ทั้งนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ในการส่งเสริมพัฒนาทุกคนให้ได้มีชีวิตที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดี โดยจะบูรณาการหน่วยงานทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกพื้นที่ ในการขับเคลื่อนเจตนารมณ์ของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่กำหนดหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร อันถือเป็นก้าวสำคัญของในการผลักดันการแก้ไขปัญหาในเชิงระบบให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากลและหลักการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No One Behind) ส่งผลให้บุคคลได้รับสถานะที่ถูกต้องตามสิทธิที่พึงได้รับตามกฎหมาย สามารถเข้าถึงสิทธิการอยู่อาศัยในประเทศไทยได้อย่างถาวร สามารถเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ได้รับสวัสดิการจากรัฐในฐานะประชาชนคนไทย
สำหรับสิ่งเหล่านี้ถือเป็นรากฐานแห่งสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งเป็นการแสดงเจตจำนงของรัฐในการ "ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาค" ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และประเทศไทยจะต้องไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ในประเทศเดียวกันให้เป็นธรรมและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม ส่งผลให้รัฐบาลได้รับคำชื่นชมจาก UNHCR ว่า เราเป็นประเทศที่พัฒนาในเรื่องนี้ตามคำมั่นสัญญาที่เราได้ให้ไว้ว่า "เราจะไม่ทิ้งใครไว้ให้ข้างหลัง" และเราจะต้องก้าวเดินไปด้วยกันด้วยการลดความเหลื่อมล้ำให้ได้อย่างสูงสุด ทำให้ทุกคนได้รับการเข้าถึงบริการภาครัฐให้ได้