xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ภาค 5 บุกจับ 12 จีน 6 เมียนมา สมุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่าบ้านหรูเชียงใหม่หลังละ 40 ล้านตั้งฐานหลอกเหยื่อข้ามประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 นำกำลังพร้อมหมายศาลบุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน 12 คน และเมียนมา 6 คน เช่าบ้านหรูเชียงใหม่มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท เปิดฐานปฏิบัติการหลอกคนจีนข้ามประเทศ พบพฤติการณ์ลวงเหยื่อสารพัดรูปแบบ สื่อสารผ่านเพจ-แอปออนไลน์ โดยระหว่างเข้าจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาแตกกระเจิง และพยายามหลบหนีด้วยการกระโดดลงจากชั้นสองของบ้านจนบาดเจ็บ 8 คน


รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (30 ก.ค. 68) พลตำรวจตรี ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เข้าตรวจค้นบ้านหรูเลขที่ 453 หมู่ 2 ตำบลห้วยทราย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ตามหมายค้นของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ประกอบด้วยกลุ่มชาวจีน 12 คน และชาวเมียนมา 6 คน เปิดเป็นคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงลูกค้าชาวจีนผ่านแอปพลิเคชันและเพจออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม ซึ่งภายในบ้านพบกำลังนั่งทำงานผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ

ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจู่โจมตรวจค้น ผู้ต้องหาทั้งหมดพยายามหลบหนี บางรายกระโดดลงมาจากชั้นสองของบ้านที่มีความสูงกว่า 8 เมตร ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 8 คน หนึ่งในนั้นขาหัก ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการหกล้มและบาดแผลถลอก ซึ่งจากการตรวจค้นพบคอมพิวเตอร์กว่า 20 เครื่อง โทรศัพท์มือถือมากกว่า 100 เครื่อง ซิมการ์ดประเทศจีน ซึ่งถูกใช้ในการติดต่อกับเหยื่อชาวจีนกว่า 10 ราย


พลตำรวจตรี ธวัชชัยเปิดเผยว่า กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นชาวจีน เดินทางเข้าประเทศไทยและเช่าบ้านหลังนี้มาแล้วประมาณ 3 เดือน โดยมีหัวหน้าชาวจีนเป็นผู้จัดการเช่าให้กลุ่มลูกน้องที่ทำงานภายในบ้าน พฤติกรรมของกลุ่มนี้คือทำงานตลอด 24 ชั่วโมง กินอยู่หลับนอนภายในบ้านหรูแห่งนี้ทั้งหมด ซึ่งเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาได้รับค่าจ้างหัวละประมาณ 10,000 ถึง 20,000 หยวน หรือราว 50,000 ถึง 100,000 บาทต่อเดือน โดยภารกิจหลักคือการหลอกลวงชาวจีนในรูปแบบต่างๆ ทั้งการหลอกขายสินค้าออนไลน์ หลอกให้โอนเงินเพื่อแก้ปัญหาสายการบิน ปัญหาธนาคาร รวมถึงการข่มขู่เรียกเงินในลักษณะของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลไปยังผู้ว่าจ้างตัวจริง รวมถึงตรวจสอบเครือข่ายที่อาจโยงใยข้ามชาติ คาดว่าจะมีความเชื่อมโยงกับขบวนการอาชญากรรมทางไซเบอร์รายใหญ่จากต่างประเทศด้วย




















กำลังโหลดความคิดเห็น