อุบลราชธานี - แม่ทหารกล้า “ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุก” อายุ 28 ปี บอกลูกชายฝันอยากเป็นทหารตั้งแต่เด็ก เมื่อถึงเกณฑ์ทหารก็สมัครเข้าเป็นทหาร หลังจากนั้นสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบก เมื่อได้รับโทรศัพท์ลูกเสียชีวิตทำอะไรไม่ถูก เสียใจและเสียดายลูกที่จากไป แต่ก็ภูมิใจที่ลูกได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ
เช้าวันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบูรพาราม บ้านคูเมืองตก หมู่ 4 ต.คูเมือง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ครอบครัวและญาติพี่น้องของ ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุก อายุ 28 ปี ทหารกล้าสังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ที่เสียชีวิตในการปะทะกับทหารกัมพูชาที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพที่จะนำมาประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในช่วงบ่ายเวลา 15.00 น.
โดยศพของ ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พวงมาลาพระราชทาน พิธีบำเพ็ญกุศลศพ และพระราชทานเพลิงศพในวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม
ด้านนางอรชร ผาสุก อายุ 53 ปี แม่ของ ส.อ.อัมรินทร์กล่าวว่า ภูมิใจที่ลูกทำเพื่อประเทศชาติ ตนเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกทั้งหมด 4 คน โดย ส.อ.อัมรินทร์ เป็นคนที่สอง ส่วนคนที่หนึ่ง เป็นครู คนที่สาม ค้าขาย และคนสุดท้องยังเรียนหนังสืออยู่ ความฝันของลูกชายคนนี้เขาอยากเป็นทหารตั้งแต่ยังเด็กๆ เคยขอให้แม่ซื้อชุดทหารให้
"แต่ตอนนั้นแม่ไม่มีเงินจึงไม่ได้ซื้อให้ เมื่อถึงอายุเกณฑ์ทหารก็สมัครเข้าเป็นทหารเกณฑ์ พอครบ 2 ปีปลดประจำการ เขาก็ไปสมัครสอบนายสิบและสอบได้ตามความตั้งใจ"
ตอนเกิดเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดน น้องยังโทรศัพท์มาบอกแม่ว่าต้องไปทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ต้องไปรบ แม่ก็บอกเขาให้ไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ปกป้องประเทศของเรา ก่อนวางสายน้องยังบอกอีกว่า “แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวผมก็จะกลับมาหาแม่กับยาย”
นางอรชรเล่าด้วยเสียงสั่นเครืออีกว่า ก่อนที่ลูกจะเสียชีวิตก็ไม่มีลางสังหรณ์อะไร เพราะลูกบอกไม่ต้องคิดอะไรไม่ต้องห่วงเขา แต่เขากลับแสดงความห่วงใย ย้ำกับแม่ให้แม่พายายกินข้าวกินยาตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วงผม
ตอนแรกที่มีโทรศัพท์แจ้งการเสียชีวิตของลูก ได้ยินแล้วทำอะไรไม่ถูก เพราะเสียใจและเสียดายลูกมาก แต่ก็ภูมิใจที่ลูกได้ไปทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติอย่างลูกผู้ชาย เมื่อมีการเจรจาหยุดยิงก็อยากให้ทหารทุกนายได้กลับไปหาครอบครัว และทำหน้าที่รั้วของชาติต่อไป
สำหรับ ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุก มีรายงานว่า ก่อนนี้ก็ถูกสะเก็ดระเบิดที่นิ้วมือมาแล้วในครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา แต่ใจสู้ ได้ขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศต่อ และทำหน้าที่จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต
