xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป)ตามรอยเงิน “หลวงพ่อพัฒน์” บริจาค 30 ล้าน สร้างพุทธอุทยานฯ ล่องหนปริศนา-ยึดเอกสารโยงกู้เงินวัดนครสวรรค์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครสวรรค์ - ขยายผลปม “ทิดสฤษดิ์” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์/อดีตเจ้าคณะจังหวัดฯ แหกพรรษาลาสิกขา..ตำรวจสอบสวนกลาง-ป.ป.ท. ตามรอยเส้นทางเงิน “หลวงพ่อพัฒน์” บริจาค 30 ล้าน สร้างพุทธอุทยานฯ ล่องหนปริศนา พร้อมยึดเอกสารโยงกู้เงินวัดฯ แบบไม่มีดอกเบี้ย ไม่ต่ำกว่า 60 ล้าน


ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตนครสวรรค์ ซึ่งกำลังถูกจับตาอย่างหนัก หลังอดีตเจ้าอาวาสฯ-อดีตเจ้าคณะจังหวัดฯ แหกพรรษาลาสิกขาเซ่นสัมพันธ์สีกา รวมทั้งมีข้อมูลเกี่ยวพันกับเงินบริจาคจาก “หลวงพ่อพัฒน์” จำนวนมากถึง 30 ล้าน รวมถึงกรณีการใช้อำนาจหน้าที่ของ ผศ.ดร.สุกัญญาณัฐ อบสิณ ระหว่างดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานฯ

ล่าสุด 23 ก.ค. 68 พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. ร่วมกับ ป.ป.ท.เข้าตรวจสอบเอกสารและสอบปากคำเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ธุรการ มจร. จำนวน 3 คน และพระผู้ช่วยเจ้าอาวาสอีก 1 รูป โดยเน้นตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างเงินของวัดกับมหาวิทยาลัย ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าพระลูกวัดบางรูปได้นำเงินบริจาคกว่า 30 ล้านบาทไปฝากธนาคารและมีการเบิกจ่ายออกมาใช้งาน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ติดกับพุทธอุทยาน ยึดเอกสารหลายสิบแฟ้มไปตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับเส้นทางเงินจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างพุทธอุทยานที่พบว่าไม่ใช่โครงการของ มจร. แต่มีอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์เป็นประธานและใช้คนภายนอกเป็นกรรมการหลัก


พ.ต.อ.สมรภูมิเปิดเผยว่า ได้ออกหมายเรียกสีกาสองคนที่มีข่าวเชื่อมโยงกับอดีตเจ้าคณะฯ ให้มาให้ปากคำแล้ว แต่ทั้งสองยังไม่ติดต่อกลับมา อย่างไรก็ตาม การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะประเด็นการยืมเงินของ มจร.จากวัดนครสวรรค์ ที่พบว่ามีการกู้ยืมหลายครั้งรวมเป็นเงินกว่า 60 ล้านบาท โดยไม่มีดอกเบี้ย และมีการคืนบางส่วนร้อยละ 10-20 ซึ่งบางเอกสารยังไม่สมบูรณ์และบางรายการไม่ระบุวัตถุประสงค์การใช้จ่าย

ขณะที่เจ้าหน้าที่การเงินของ มจร. (เบลอหน้า) เปิดเผยว่า ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ และทำหน้าที่ตามระเบียบเบิกจ่ายปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับการยืมเงินจากวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นการดำเนินการในระดับบริหาร ส่วนกรณีบัญชีค้างค่าเงินเดือนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ นั้นยืนยันว่าเกิดจากการค้างจ่ายค่าเทอมของนิสิต แต่ไม่ได้กระทบขั้นตอนการเบิกจ่ายในภาพรวม

ด้านพระครูสุธีธรรมบัณฑิต, ดร. เลขาฯ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่า ได้แถลงข่าวก่อนหน้านี้แล้วว่าเปิดกว้างให้มีการตรวจสอบทุกมิติอย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สตง. ได้เข้ามาตรวจสอบเป็นประจำทุกปี และมั่นใจในความโปร่งใสของการบริหารงาน แต่ขอแสดงความรับผิดชอบโดยขอยุติบทบาทในฐานะผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


อย่างไรก็ตาม ได้เกิดประเด็นปริศนาเพิ่มเติมจากการที่ตำรวจ ป.ป.ป.ตรวจพบโฉนดที่ดิน 51 ตารางวา ของนางประจิม ชาลีกร อายุ 80 ปี ชาวบ้านหมู่ 11 ต.หนองกระโดน อ.เมืองนครสวรรค์ ซุกซ่อนอยู่ในตู้เซฟกุฏิเจ้าอาวาส โดยมีการระบุชื่อ “นางสาวน้ำหวาน” สีกาคนสนิทของอดีตเจ้าคณะฯ เป็นผู้ไถ่ถอนและครอบครองกรรมสิทธิ์เป็นชื่อสุดท้าย ทำให้ นางประจิม พร้อมบุตรสาว ต้องรีบเดินทางไปลงบันทึกประจำวันต่อ พ.ต.ท.ชานุ คุ้มนวล พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เคยมีที่ดินเป็นชื่อของตน และไม่เคยยินยอมให้ใครไถ่ถอนหรือใช้ชื่อในเอกสารสิทธิ

นางประจิมระบุว่า ตนเขียนหนังสือไม่เป็น กลัวถูกสวมสิทธิไปใช้ในทางทุจริต เมื่อสอบถามไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ ก็ได้รับคำตอบว่ามีการใช้ชื่อของตนไปครอบครองโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวจริง แต่ภายหลังมีการนำไปจำนองและไถ่ถอนออกไปแล้ว ซึ่งทำให้รู้สึกเครียดและกังวล จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อความบริสุทธิ์ใจ




กำลังโหลดความคิดเห็น