xs
xsm
sm
md
lg

"ครอบครัวตัญกาญจน์" ไม่ท้อคำพิพากษาชั้นฎีกาจากนี้เดินหน้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกราวรูด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา “ครอบครัวตัญกาญจน์” ไม่ท้อคำพิพากษาชั้นฎีกาศาลทหาร เดินหน้าฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเอาผิดกราวรูดทั้งรุ่นพี่สารตั้งต้นทำลูกตาย หน่วยงานต้นสั่งกัด หมอทำอวัยวะหาย ตั้งคำถาม ผบ.ตร.ยังรับบุคคลเช่นนี้รับราชการได้หรือ พร้อมรับคำเชิญทุกรายการประกาศปลดล็อก "น้องเมย" ไม่ทำผิดระบบเกียรติ​ศักดิ์​ แต่เสียชีวิตเพราะถูกกระทำ

ภายหลังจากที่ ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา คดีที่ “ครอบครัวตัญกาญจน์” ฟ้องร้องรุ่นพี่บังคับชา 1 รายในคดีอาญา ฐานทำร้ายร่างกาย “น้องเมย" นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ 1 จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่ง ศาลทหาร มทบ.12 จ.ปราจีนบุรี ได้อ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ ว่าจำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษ โดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร

ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการ รับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาทและรอลงอาญา 2 ปี

ภายหลังได้ฟังคำพิพากษาในชั้นฏีกา แม้จะสร้างความผิดหวังให้กับครอบครัวจนถึงขั้นร่ำไห้ขณะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลายสำนัก พร้อมบอกว่าแม้จะไม่สามารถเอาผิดกับผู้กระทำผิดได้ แต่สุดท้ายก็ได้พิสูจน์ให้สังคมรู้แล้วว่า น้องเมย เสียชีวิตจากการถูกกระทำโดยรุ่นพี่จริง 

ถือเป็นการปลดล็อกให้กับ น้องเมย ที่จะได้จากไปอย่างสง่างามและไม่มีข้อติดค้างว่าลูกชายเสียชีวิตเพราะโรคภัยไข้เจ็บ

ทั้ง ขอยืนยันว่าลูกชายของตนเองมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงจริง เพียงแต่ต้องเสียชีวิตเพราะการถูกธำรงวินัย ในทางที่ผิดและรุ่นแรงต่อเนื่องโดยรุ่นพี่


ทั้งนี้ ครอบครัญตัญกาญจน์ ได้ใช้เวลาต่อสู้ในคดีดังกล่าวนานถึง 8 ปีเพื่อหาความเป็นธรรมเรื่องการเสียชีวิตให้ลูกชาย โดยได้ยื่นฟ้องรุ่นพี่บังคับบัญชา 1 รายเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2560 ที่มีการธำรงวินัยจน" น้องเมย" หมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 ในครั้งนั้นอัยการศาลทหาร มทบ.12 ได้สั่งฟ้องจำเลย ก่อนพิจารณาให้รอกำหนดโทษเป็นเวลา 1 ปี และในปี 2564 นี้รุ่นพี่คนดังกล่าวได้จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และติดยศร้อยตำรวจโท ในปัจจุบัน

ครอบครัวพยายามเรียกร้องต่อ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้พิจารณาถึงเหตุของการกระทำ ว่าเหตุใด ร้อยตำรวจโท นายนี้ยังสามารถรับราชการต่อได้ แม้มีคดีติดตัวนั้น


วันนี้ ( 23 ก.ค) นายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ ยังได้ตอบรับคำเชิญจากหลายรายการที่ติดต่อให้ทั้ง 2 ไปพูดคุยถึงความรู้สึกที่ได้รับความเห็นใจทั้งจากสังคมและสื่อมวลชน หลังคำพิพากษาสูงสุดในคดีแรกที่ตนเองฟ้องร้องรุ่นพี่บังคับบัญชา ซึ่งลงโทษลูกชายจนเสียชีวิตออกมาเมื่อวันที่ 22 ก.ค 2568 ที่ผ่านมา

นายพิเชษฐ บอกว่าในวันนี้ตนเองทั้งสองจะขอทำเพื่อลูกชายอีกครั้ง แม้ต้องเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ทางคดีมานานถึง 8 ปี แต่ครั้งนี้แม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางจากชลบุรี เข้ากรุงเทพฯ เพื่อออกอากาศในรายการต่างๆ ก็พร้อมทำเพื่อให้สังคมได้รู้ว่า ลูกชายของตนเองเสียชีวิตจากการถูกระทำจริงๆ ไม่ใช่การเสียชีวิตเพราะเรื่องอื่น

ที่สุดท้ายเมื่อศาลทหารสูงสุด ตัดสินให้รอลงอาญารุ่นพี่ 2 ปีเพื่อให้โอกาสได้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ตนเองก็ไม่ขอก้าวล่วง

เพียงแต่อยากถามกลับว่า “ถ้าวันนี้ น้องเมย ได้โอกาสที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำงานในอาชีพทหาร ที่เขารักและพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ ผมก็เชื่อว่าลูกผมจะทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติได้ดีและทำประโยชน์ได้เช่นกัน แต่เมื่อสุดท้ายศาลสูงสุดตัดสินเช่นนี้ ทางครอบครัวก็ขอน้อมรับและไม่ก้าวล่วง เพียงแต่เสียดายที่ลูกชายไม่ได้ตายในสนามรบเท่านั้น”




ขณะที่ นางสุกัลยา พูดในช่วงหนึ่งระหว่างออกรายการ “โหนกระแส ” ของ หนุ่ม กรรชัย ว่าครอบครัวเดินเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย​โดยไม่มีใครจริงๆ อีกทั้งในช่วงหลังเกิดเหตุใหม่ๆ ยังเคยมีตำรวจที่ทำคดีให้บางคนบอกกับเราว่าคดีของลูกเราทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ ขณะที่ตำรวจบางคนบอกว่าแม่ต้องเข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก

"ต้นเหตุแห่งคดีคือวันที่ 23 ส.ค.2560 ที่รุ่นพี่บอกว่าลูกเราโกหกใช้ทางเดินโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่ีลูกเราได้รับอนุญาต​จากรุ่นพี่อีกคนแล้ว รุ่นพี่คนนี้บอกว่าลูกเราทำผิดระบบเกียรติศักดิ์​จนนำสู่คำสั่งซ่อมด้วยการธำรงวินัยทั้งในทางปกติ และในห้องน้ำ รวมทั้งในวันที่ 3 ช่วงเที่ยงคืนที่เรียกน้องออกไป

กระทั่งวันที่ 30 ส.ค.2560 ซึ่ง “น้องเมย” อยู่ในช่วงทุเลาการฝึกตามคำสั่งแพทย์ (จากอาการได้บาดเจ็บจากการตกบันได แต่สุดท้ายได้ยอมรับกับแม่ว่าถูกซ่อมและถูกซ้อม) ซึ่งรุ่นพี่บังคับบัญชาอีกรายได้สั่งธำรงวินัย ทั้งที่เพิ่งลงจากกองพยาบาล จนนำมาสู่การเสียชีวิตในเวลาต่อมา

"ก่อนเสียชีวิตเป็นช่วงปิดเทอม และลูกกลับเข้าเรียนได้ไม่กี่วันลูกก็ตกบันไดจนต้องไปรับมาหาหมอ ซึ่งผลตรวจก็ปกติ และพาลูกกลับ โรงเรียนในวันที่ 13 ต.ค.2560 จากนั้นแค่คืนเดียวลูกหมดสติจนต้องหามเข้าโรงพยาบาล จนนำมาสู่การเสียชีวิตในวันที่ 17 ต.ค.2560"






และยืนยันว่าทางครอบครัว จนถึงวันนี้ยังไม่เคยได้รับเงินเยียวยาใดๆ จากกองทัพ และที่ผ่านมาได้รับเงินเพียงจำนวน 1 แสนบาทจากทางโรงเรียนเตรียมทหาร เป็นค่าช่วยทำศพเท่านั้นและทุกวันนี้ก็ไม่เคยนำมาใช้และจะเก็บไว้สู้คดี ยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินเยียวยาใดๆอีกแม้แต่บาทเดียวตามที่มีข่าวปล่อยออกมาว่าเราได้ 10 ล้านบาทหรือ 20 ล้านบาท

อีกทั้งยังจะเดินหน้าเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง เอาผิดกราวรูดทั้งรุ่นพี่สารตั้งต้นทำลูกตาย หน่วยงานต้นสั่งกัด หมอทำอวัยวะหาย ด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น