สกลนคร - เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ตรวจคลินิก 16 แห่ง อ.ส่องดาว จ.สกลนคร พบหลักฐานชัดเบิกเงินกองทุนบัตรทองกว่า 29 ล้านบาท แต่ไม่ได้รักษาจริง ขีดเส้นต้องส่งคืนเงินให้ สปสช.ภายใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการจะดำเนินการทางกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, นพ.นพรัตน์ พันธุเศรษฐ์ ผู้อำนวยการเขต สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 8 อุดรธานี, พร้อมด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสอบการเบิกจ่ายของหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พื้นที่ อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการกรณีตรวจสอบความผิดปกติในการเบิกจ่ายและส่อทุจริตในหน่วยนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ที่ให้บริการประชาชนผู้มีสิทธิตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ มากกว่า 16 แห่ง ในอำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร พื้นที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 8 อุดรธานี
คลินิกทั้ง 16 แห่งดังกล่าวเป็นหน่วยนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และให้บริการแก่ประชาชนตามสิทธิ ‘บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่’ แต่ที่ผ่านมา สปสช.เขต 8 อุดรธานี ได้รับข้อร้องเรียน จากประชาชนผู้รับบริการถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการดำเนินกิจการ โดยชาวบ้านอ้างว่าคลินิกได้ใช้สิทธิไปตั้งเบิกแต่ไม่ได้รักษาจริง พฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายได้ ที่สำคัญเป็นการส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิของประชาชนผู้รับบริการ
นายกองตรี ธนกฤตกล่าวต่อว่า การกระทำของคลินิกทั้ง 16 แห่ง รวมมูลค่าการเบิกจ่ายกองทุนบัตรทอง ทั้งสิ้นจำนวน 29,148,690.00 บาท ทำให้ สปสช.ได้รับความเสียหาย ซึ่งได้แจ้งให้ผู้ประกอบการคลินิกนวัตกรรมทบทวนการขอรับชดเชยค่าบริการสาธารณสุข และนำเงินที่ได้รับชดเชยค่าบริการบริการสาธารณสุขทั้งหมดส่งคืน สปสช.ภายใน 7 วัน หากเกินระยะเวลาแล้ว คลินิกนวัตกรรมยังไม่ดำเนินการตามที่แจ้งก็จะดำเนินการทาง กฎหมายต่อไป
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไม่สามารถเพิกเฉยต่อพฤติกรรมบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในระบบบัตรทองได้ และส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของระบบบริการสุขภาพที่ประชาชนพึ่งพาได้ สปสช.จึงต้องดำเนินการตรวจสอบและติดตามอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชน และสร้างมาตรฐานที่โปร่งใส ในระบบบริการสุขภาพถ้วนหน้า
ทั้งนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะติดตามความคืบหน้าคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำอีก