อุดรธานี - สาวห้างร้องสื่อครูหนุ่มทำท้องแล้วบอกให้ไปทำแท้ง เผยสถานะเราเป็นเพื่อนกันแต่เรามีความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อน วอนช่วยรับผิดชอบลูกในท้องของตัวเองด้วย ด้านครูหนุ่มโต้ยอมรับแบบแมนๆ ผมไม่ได้หนีไปไหน ยินดีดูแลลูกที่จะเกิดมา แม้ยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นลูกตัวเองจริงๆ
วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุดรธานีได้รับการร้องเรียนจากนางสาวบีบี้ (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ชาวอุดรธานี ว่าถูกเพื่อนชายทำเธอท้องแล้วเงียบหาย ขาดการติดต่อ เกรงจะไม่รับผิดชอบพร้อมแนะนำให้ไปทำแท้ง ตอนนี้รู้สึกกังวล กลัวลูกที่ออกมาจะไม่มีคนรับรองบุตร ต่อมานักข่าวได้นัดขอพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
น.ส.บีบี้เล่าด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตอนนี้ท้องได้ 5 เดือน ย้อนกลับไปประมาณปี 2016 รู้จักผู้ชายคนนี้ผ่านแอปฯ หนึ่ง ตอนนั้นเรากำลังเป็นวัยรุ่นและเรารู้จักกันแบบไม่ได้จริงจังอะไร จากนั้นก็ติดต่อพูดคุยและนัดเจอกันบ้าง “สถานะเราเป็นเพื่อนกันแต่เรามีความสันพันธ์เกินกว่าเพื่อน” เวลาเรามีอะไรกันเขาไม่ได้ป้องกัน แต่เขาจะใช้วิธีหลั่งข้างนอก ส่วนตนก็จะกินยาคุมฉุกเฉิน กระทั่งรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ รอบเดือนก็ไม่มา พอใช้ชุดตรวจก็พบว่าตั้งท้องจริง เมื่อส่งรูปถ่ายผลตรวจไปให้ดู เขาเห็นแล้วเขาก็เงียบไป ไม่มาหาเราอีกเลย ซึ่งส่วนตัวก็รู้ว่าเขาไม่พร้อมที่จะมีลูกอีกคน เนื่องจากเขายังเรียนปริญญาโทและมีค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกเขาอีก 1 คน
ต่อมาเขาได้หาคลินิกที่ทำแท้งถูกกฎหมายพร้อมบอกจะออกค่าใช้จ่ายให้โดยเขานัดให้ไปทำแท้งประมาณช่วงกลางเดือนเมษายน 2568 ซึ่งคลินิกที่เขาหามาให้เราก็ยังไม่เชื่อมั่น ตนจึงอ้างอยากไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลก่อน แต่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้อยากจะทำแท้งอยู่แล้ว เพราะว่าเราเข้าใจความเป็นแม่คน ยิ่งทำให้คิดหนักว่าต้องทำไงต่อ เพราะเพิ่งได้ทำงานที่ห้างแห่งหนึ่งได้ไม่นาน
บีบี้เล่าต่อว่า ผู้ชายคนนี้ชื่อย่อ “ด” อายุประมาณ 33 ปี เป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง “ด” เขาเคยมีแฟนมีลูก 1 คน อายุประมาณ 7 ขวบ ส่วนแฟนเขาทิ้งและปล่อยให้ดูแลลูกเอง ที่เอาเรื่องมาร้องนักข่าวก็เพียงเพราะต้องการให้เขาออกมารับผิดชอบลูกของเขา ส่วนตนไม่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูก็ได้ แต่หากเขาไม่ยอมรับเมื่อลูกคลอดออกมาก็จะไปใช้สิทธิทางกระบวนการทางกฎหมาย หลังขาดการติดต่อพยายามติดต่อแล้ว แต่เขาก็ไม่ตอบแชต ส่วนเบอร์โทร.ก็ไม่มี “ฝากถึง ด อยากให้เขาออกมารับผิดชอบแบบลูกผู้ชายและรับผิดชอบลูกในท้องของตัวเอง”
ต่อมานักข่าวได้ไปพบนาย “ด” เพื่อให้ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งนาย ด บอกว่ายอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับนางสาวบีบี้จริง แต่ไม่ใช่การคบหาแบบจริงจัง เมื่อมาถึงวันที่เราพลาดเราได้ไปทำฝ่ายผู้หญิงท้อง ตอนท้องก็ได้มีการพูดคุยกันและร่วมกันหาทางออกแก้ไขปัญหาว่าเราจะเอาออกโดยการทำแท้งแบบถูกกฎหมาย
แต่ต่อมาฝ่ายผู้หญิงเปลี่ยนใจไม่ไปทำ เขาก็คิดอยากจะเก็บไว้ จากนั้นก็เกิดเรื่องราวปัญหาตามมา ผู้หญิงเขาไปพูดให้ร้ายว่าตนให้คนโน้นคนนี้ฟัง แต่ตนก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเพราะเราก็เคยเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก่อน
จากนั้นเราก็เคยขึ้นโรงพักพูดคุยไกล่เกลี่ยกันโดยมีตำรวจเป็นคนกลางและมีแม่ฝ่ายผู้หญิงเป็นพยาน วันนั้นได้ตกลงกันว่า จะใช้ชีวิตตามปกติแต่ถ้ามีอะไรขาดเหลือค่อยบอกมาว่าจะให้ช่วยอะไร เราก็จะช่วยได้ในส่วนที่เขาขาดเหลือและเราช่วยได้
กรณีที่เขาให้ข่าวสื่อมวลชนว่าตนไม่รับผิดชอบจะไม่ดูแลเรื่องนี้ อยากบอกว่าตนก็ไม่ได้หนีไปไหน อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย เดือนไหนที่มีเงินมากก็ให้มาก การที่เขาอยากเรียกร้องว่าอยากได้เงินเท่านั้นเท่านี้ช่วยเหลือเท่านั้นเท่านี้ ตนก็ไม่รู้จะทำไงเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามตรงๆ ว่า ส่วนตัวคิดไหมว่าลูกในท้องเป็นลูกเราจริง ครูตอบว่า โดยนิสัยส่วนตัวตน ถ้าผู้หญิงบอกว่าลูกเป็นของตนก็มองว่าเป็นลูกตน เพราะเรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน โอกาสที่จะท้องมันก็มี แต่ในใจลึกๆ ก็ยังไม่ยอมรับ 100% แต่ถ้าจะให้ตรวจ DNA ก็ยินดี ฝากถึงนางสาวบีบี้ว่าตนไม่ได้หนีไปไหน ยังอยู่ตรงนี้ จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายเท่าที่ช่วยได้ จะให้รับผิดชอบเรื่องเด็กตนทำได้ แต่เมื่อมาถึงจุดนี้เขาเอาเรื่องไปบอกกับสื่อ จากนี้ตนจะรับผิดชอบเฉพาะเด็กเท่านั้น