บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ร่วมฝ่ายปกครองกระจายกำลังบุกรวบแก๊งวัยรุ่นซิ่ง จยย.ป่วนเมือง ทั้งพกอาวุธครบมือยกพวกตะลุมบอนยิงปืนปาระเบิด สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ได้ยกแก๊งอายุ 14-19 ปี รวมกว่า 30 คน พร้อมของกลางวัตถุประกอบระเบิด มีดดาบ และยึด จยย.ดัดแปลงสภาพกว่า 30 คัน พบหลายคนเคยถูกจับหลายรอบแต่ไม่เข็ดหลาบ
วันนี้ (15 ก.ค.) ความคืบหน้ากรณีโซเชียลได้มีการแชร์คลิปเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นกว่า 30 คนซิ่งรถจักรยานยนต์ป่วนเมือง พร้อมพกอาวุธครบมือตะโกนท้าทายกัน "มึงอย่าเอากฎหมายมาคุยกับกู กฎหมายมันทำเฮียอะไรไม่ได้" ก่อนยกพวกตะลุมบอนใส่กันและได้ยินเสียงคล้ายปืนระเบิดหลายครั้ง บริเวณริมคลองละลมโบราณลูกที่ 4 ในเขตเทศบาลนครบุรีรัมย์ 3 คืนติดต่อกัน สร้างความเดือดร้อนและหวาดผวาแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว ทั้งเกรงจะได้รับอันตรายจากลูกหลง
ล่าสุดหลังได้รับรายงาน พล.ต.ต.ณรงศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เร่งออกติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ปรากฏในคลิปมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ก็ได้ร่วมกับปลัดอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) กระจายกำลังออกติดตามแก๊งวัยรุ่นที่ก่อเหตุซิ่ง จยย. ยิงปืน ปาระเบิดสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน จนสามารถรวบตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ยกแก๊งเมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นวัยรุ่น เยาวชนชายอายุตั้งแต่ 14-19 ปี บางคนยังเรียนหนังสือ และหลายคนเคยถูกจับทั้งกรณีแต่งซิ่ง ขี่ จยย.แว่นแข่งกันหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบยังกระทำผิดอีก ทั้งนี้ยังสามารถตรวจยึดของกลางเป็นอาวุธมีด มีดดาบยาว วัตถุประกอบระเบิดจำนวนมาก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ยังได้ยึดรถจักรยานยนต์ดัดแปลงสภาพไว้ตรวจสอบกว่า 30 คันด้วย
พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากมีการแชร์คลิปกลุ่มวัยรุ่นซิ่ง จยย.ยกพวกตีกัน ยิงปืน ปาระเบิดใส่กันสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาก็ได้สั่งการให้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว จนสามารถติดตามจับกุมตัวกลุ่มวัยรุ่นได้กว่า 30 คน
จากการตรวจสอบพบว่าวัยรุ่น เยาวชนบางคนเคยถูกจับกุมมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบยังก่อเหตุในลักษณะเดิมซ้ำอีก ซึ่งจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ก็ได้ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองให้ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพราะหากมีการกระทำผิดอาจต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งหากผู้ปกครองปล่อยปละละเลยไม่ดูแลบุตรหลานก็จะมีความผิดเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเชื่อว่าหากพ่อแม่ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานให้ใกล้ชิดว่ากล่าวตัดเตือน และให้ความรักความอบอุ่น การกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวก็จะลดลง
