เชียงราย – “ตู่ จตุพร-ทนายนกเขา” นำทีมขึ้นเวทีชายแดนเวียงแก่น พบพี่น้องชาติพันธุ์-เครือข่ายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ทั่วภาคเหนือทั้งเชียงราย-พะเยา-น่าน-ตาก พิษณุโลก ยันเพชรบูรณ์ ปลุกพลังเรียกร้อง “สหายอ้วน”ทำตามพันธสัญญาที่รัฐเคยให้ตั้งแต่ “พล.อ.เปรม” ใต้คำสั่ง 66/2523 เผยผ่านมากว่า 40 ปียังไม่สัมฤทธิ์ผล
วันนี้ (12 ก.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นำคณะจัดเวทีปราศรัย "รวมพลังประชาไทย แก้ไขปัญหาที่ทำกินให้พี่น้องชาติพันธุ์" ขึ้นที่ลานหมู่บ้านห้วยหาน ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เนื่องในโอกาสที่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยหรือที่เคยเคลื่อนไหวในนามพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้จัดตั้งองค์กรใหม่คือ "สมาคมเครือข่ายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย" ท่ามกลางผู้เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมากทั้งจาก จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.น่าน จ.ตาก จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์
นายทูลสวัสดิ์ ยอดมณีบรรพต หรือ 'หมอแดง' ผู้ทรงคุณวุฒิกลุ่มชาติพันธุ์ม้งซึ่งได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมฯ กล่าวถึงปัญหาผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ว่าหลังคำสั่ง 66/2523 สมัย พล.อ.เปรม ติณสูรานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่นำมาแก้ไขปัญหาการสู้รบภายในประเทศ จวบจนปัจจุบันเป็นเวลามากกว่า 40 ปี ยังต้องมีการพูดถึงเรื่องพันธสัญญาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น พื้นที่ดอยยาว-ดอยผาหม่น เป็นถิ่นอาศัยที่พวกเราอพยพมาจากประเทศจีนตั้งแต่ปี 2360-62 ต่อมาชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องการเก็บภาษี ถูกยิงเสียชีวิต บางคนถูกจับขังคุก จึงพากันหนีเข้าป่าและตั้งกองร้อย 85 เพื่อระลึกถึงการต่อสู้
กระทั่งวันที่ 20 ต.ค.2524 มีการพิจารณาถึงคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี 66/2523 จึงมีการลงนามในสัญญากับทางการไทย มีการวางอาวุธ มอบสัญชาติไทย ภายใต้เงื่อนไขจะต้องมีการสร้างถนนหนทาง โรงเรียน อนามัย ไฟฟ้า ส่งเสริมปลูกพืชพันธุ์ มีที่ดินทำกินให้ 15 ไร่ ฯลฯ
แต่จนถึงปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องทีดินทำกินเพราะดอยยาว-ดอยผาหม่น เป็นป่าสงวนแห่งชาติโซนซีจึงไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ สิทธิ์ที่คนในครอบครัวได้รับไม่ครบคน บางคนออกจากป่ามาแล้วก็ไม่ได้รับสิทธิ์ เป็นต้น เพราะรัฐบาลไม่ได้แก้ไชปัญหาอย่างเป็นระบบและไม่แก้ปัญหาให้ถูกต้องต่อผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
นายนิติธร กล่าวว่าปัจจุบันบ้านเมืองถูกผูกขาดโดยกลุ่มการเมืองเดิมๆ มีตระกูลการเมืองไม่กี่ตระกูลที่ครองอำนาจมา 30-40 ปี กลุ่มการเมืองออกกฎหมายผูกขาดให้กับกลุ่มทุน มีการซื้อเสียง จึงเป็นคำถามว่าคนเหล่านี้จะมาแก้ปัญหาให้กับประชาชนหรือไม่? สมัยพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้บ้านเมืองจากพม่า สมัยพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกองกู้บ้านเมืองอีกครั้ง รัชกาลที่ 5 ทรงปฏิรูปประเทศหลายเรื่อง เช่น เลิกทาส ไปรษณีย์ รถไฟ ฯลฯ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 9 เจอปัญหาทุนนิยมพระองค์ทรงแก้ไขปัญหาด้วยทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ดังนั้นเราจะเห็นว่าองค์พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ล้วนแต่ทำให้บ้านเมืองพ้นวิกฤติในแต่ละครั้งมาได้
แต่ปัจจุบันสถาบันพระมหากษัตริย์กำลังถูกกัดเซาะจากนักการเมือง รัฐบาล ต่างชาติ เพราะถึงที่สุดแล้วสิ่งที่จะมาช่วยเหลือประชาชนคือสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเขามีความพยายามมากที่สุดมานานนับ 20 ปี และทำรุนแรงที่สุดคือรอบ 5 ปีมานี้ ถ้าพี่น้องยอมแพ้ลูกหลานก็จะประสบปัญหาเดียวกันหรือหนักกว่า ทั้งเรื่องที่ดินทำกิน เงินเยียวยา ฯลฯ ไม่มีทางแก้ไขได้ พรรคการเมืองใดก็แก้ให้ท่านไม่ได้
ดังนั้นจึงถือเวลาที่จะประชาชนจะต้องใช้อธิปไตยด้วยการลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อให้ผลประโยชน์รัฐมาเป็นของประชาชน เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นของรัฐ แต่กลับเป็นของบริษัทเอกชนแล้ว ฯลฯ ซึ่งหากอยากแก้ไขปัญหา ก็ต้องร่วมเชื่อมต่อเครือข่ายกันในหลายๆ จังหวัดแล้วเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ปัญหาของท่านจึงจะได้รับความสนใจ ซึ่งนี่เป็นวิธีการเดียวและไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว
ด้านนายจตุพร กล่าวว่าความจริงการเรียกร้องของประชาชนในวันนี้ภาครัฐไม่ควรตื่นตกใจ เพราะรักษาการนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ก็คือ "สหายอ้วน" ส่วนข้อเรียกร้องของประชาชนครั้งนี้ถือว่าภาครัฐผิดพันธสัญญาไม่ทำตามข้อตกลงทั้งๆ ที่ผ่านมาแล้ว 40 กว่าปี จึงสงสัยว่าสหายอ้วนไม่รู้สึกใดๆ บ้างเลยหรือ เพราะผู้ที่ออกมาเรียกร้องก็คือพี่น้องของสหายอ้วนทั้งนั้น
ปัจจุบันคนรวยมีที่ดินเป็นล้านเป็นแสนไร่ขณะที่คนไทยจำนวนมากมีปัญหาเรื่องที่ดินทำดิน โดยเฉพาะที่มีพันธสัญญาไว้กับรัฐแต่กลับไม่มีใครสนใจ ตนจึงคาดหวังว่าประชาชนจะรวมตัวกันทั้งประเทศเพื่อตั้งโต๊ะเจรจา ทั้งนี้ความอยุติธรรมในบ้านเมืองนี้มีมากมาย เช่น ปัญหาที่ดิน คนรวยเอาๆ ฯลฯ ดังนั้นการนัดหมายในการต่อสู้เราต้องรวบรวมพลังด้วยเป้าหมายว่าจะต้องชนะและหากพี่น้องประชาชนจะไปกรุงเทพฯ ก็ขอให้รอการนับหมายในวันข้างหน้าด้วย
นายจตุพร กล่าวอีกว่าการชุมนุมใหญ่อีกครั้งคาดว่าจะมีขึ้นราวกลางเดือน ส.ค.นี้ โดยจะมีไปกันอย่างหลากหลายภูมิภาค บางพื้นที่ต่อสู้มาจนอายุ 70-80 ปี เพราะคำมั่นสัญญาไม่ได้รับการปฏิบัติ ซึ่งตนดูแล้วอย่างไรเสียรัฐบาลก็คงไปไม่รอดเพียงแต่จะวันไหนเท่านั้น คิดว่าในเดือน ส.ค.นี้คงจะได้เห็นกันและการที่ตนมาเชียงรายไม่จำเป็นต้องไปไล่รัฐบาลเพราะอย่างไรก็ต้องไปอยู่แล้ว.