เชียงใหม่ - คนเชียงใหม่สุดทน! จวกรถบรรทุกตะกอนดินและทรายจากโครงการขุดลอกแม่น้ำปิงโคตรไร้ความรับผิดชอบและจิตสำนึก ไม่คลุมผ้าใบป้องกัน ปล่อยทั้งดินตกหล่น น้ำไหลเรี่ยราด เลอะเทอะตลอดทางบนถนนทั่วเมืองเชียงใหม่ ทำลื่นเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและฝุ่นฟุ้งก่อมลพิษอากาศ จี้หน่วยงานรับผิดชอบเร่งแก้ไขปัญหา
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับกรมชลประทาน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโครงการขุดลอกแม่น้ำปิง ครอบคลุมระยะทางรวม 41 กิโลเมตร จาก อ.แม่แตง ผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ไปถึง อ.สารภี แบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนบน (เหนือเมือง) ระยะทาง 13 กิโลเมตร, ตอนกลาง (ในเขตตัวเมือง) ระยะทาง 20 กิโลเมตร และตอนล่าง (ใต้ตัวเมือง) ระยะทาง 8 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับปริมาณน้ำและการไหลของน้ำ ป้องกันปัญหาน้ำท่วม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค. 68 โดยมีการใช้รถบรรทุกลำเลียงตะกอนดินและทรายจากการขุดลอกไปวางพักยังจุดที่เตรียมไว้ตลอดทั้งวัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะระบุว่าได้มีการกำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากการดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนการจราจรและการขนย้ายตะกอนดิน อย่างไรก็ตามปรากฏว่านับตั้งแต่ที่เริ่มดำเนินการมาจนถึงปัจจุบันพบว่าถนนหลายสายในตัวเมืองเชียงใหม่ที่เป็นเส้นทางลำเลียงต่างประสบปัญหาเศษดินตะกอนและน้ำตกหล่นเรี่ยราดไปทั่วพื้นผิวจราจร เนื่องจากรถบรรทุกตะกอนดินไม่มีการคลุมผ้าใบหรือวัสดุป้องกัน ส่งผลให้พื้นผิวการจราจรสกปรกเลอะเทอะ ลื่นจนเกิดอุบัติเหตุแล้วหลายครั้ง รวมทั้งเมื่อแห้งแล้วยังกลายเป็นฝุ่นฟุ้งกระจาย จนสร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ แม้เทศบาลนครเชียงใหม่จะมีการจัดรถทำความสะอาด พร้อมเจ้าหน้าที่ออกดำเนินการทำความสะอาดล้างถนนตามเส้นทางที่รถบรรทุกตะกอนดินผ่าน แต่ไม่สามารถป้องกันหรือแก้ไขปัญหาได้ เพราะรถบรรทุกลำเลียงตะกอนดินนั้นมีการวิ่งตลอดทั้งวัน ซึ่งนอกจากในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่แล้วยังพบว่ามีถนนอีกหลายเส้นทางที่มุ่งไปยังจุดวางพักตะกอนดินที่มีประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนต่างประสบปัญหาเดียวกันนี้ ซึ่งประชาชนหลายรายที่ได้ทำการบันทึกภาพและโพสต์ลงโซเชียลมีเดียเพื่อสะท้อนปัญหาและเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว และเน้นย้ำให้รถบรรทุกดินตะกอนมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ เพราะปัญหานี้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนมานานนับเดือนแล้ว