xs
xsm
sm
md
lg

แก๊ง 3 สาวแสบหลอกพระจะบริจาครถตู้ ลวงให้โอนค่าตั๋วเครื่องบินกว่า 2 หมื่น สุดท้ายเชิดเงินหนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุบลราชธานี - มิจฉาชีพอาละวาดหนัก! แก๊ง 3 สาวทำงานเป็นทีม หลอกพระอ้างจะบริจาครถตู้ให้วัดไว้ใช้งานแต่ต้องให้ไปรับที่ภูเก็ต พระยอมโอนค่าตั๋วเครื่องบิน 4 คน รวมกว่า 23,000 บาท สุดท้ายจ่ายค่าเครื่องจบก็ติดต่อไม่ได้ สูญทั้งเงิน รถตู้ก็ไม่ได้

ข้อความที่พระวีระชัย กตสาโร แจ้งเตือนให้ระวังแก๊งมิจฉาชีพ ผ่านสื่อโซเชียล
จากกรณีพระวีระชัย กตสาโร อายุ 45 ปี ประธานที่พักสงฆ์บ้านหนองทาม ต.กระโสบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เรื่องนี้มีตัวละครทั้งหมด 3 คน โดยเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน คนแรก เป็นโยมผู้หญิงเรียกตัวเองว่า “แดง” โทรศัพท์มาหาอาตมาทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้ากันมาก่อน โดยนางแดงบอกว่าเป็นคนที่ติดตามอาตมาในเฟซบุ๊ก จากนั้นนางแดงได้สอบถามว่า “พระอาจารย์อยากได้รถตู้ไว้ใช้งานไหม เพราะเห็นพระอาจารย์พาญาติโยมไปทำบุญบ่อยๆ ตอนนี้มีคนที่จะถวายรถตู้ ซึ่งได้ถวายให้วัดต่างๆ ไปแล้ว 7 วัด แต่ไม่รู้ว่าจะมีเหลืออีกไหมจะลองโทรศัพท์ไปสอบถามให้”

หลังจากนั้นไม่นานนางแดงโทรศัพท์กลับมาบอกตนว่ายังเหลือรถอีก 1 คัน เป็นคันสุดท้าย ตนจึงได้ตอบตกลงที่จะขอรับรถตู้ดังกล่าว จากนั้นนางแดงส่งให้ตัวละครคนที่สอง อ้างตัวเป็นเจ้าของรถตู้ที่จะถวาย เป็นผู้หญิงชื่อ “ปุ้ย” ให้ติดต่อเข้ามาพูดคุย พร้อมกับส่งรูปรถตู้โตโยต้า ตัวใหม่สีขาว พร้อมกับเอกสาร และรูปกุญแจรถมาให้ดูทางไลน์ เพื่อจะนัดรับรถที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 นี้

พระวีระชัยเล่าต่อว่า อาตมาจึงได้ตกลงกับพระเณร และชาวบ้านจำนวน 8 คน จะเดินทางโดยรถตู้ไปรับรถที่จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 2 กรกฎาคม แต่ทางนางปุ้ย เจ้าของรถแจ้งว่าอยากให้ลงไปด่วน เนื่องจากมีธุระด่วน ขอให้นั่งเครื่องบินไปที่จังหวัดภูเก็ต เพราะถ้าเดินทางมาด้วยรถตู้ต้องใช้เวลาถึง 2 วัน จากนั้นนางปุ้ยจึงได้ส่งต่อให้ตัวละครที่ 3 ชื่อ “แพท” รับบทบาททำหน้าที่เป็นคนขายตั๋วเครื่องบิน หากซื้อกับนางแพทจะได้ส่วนลดพิเศษเพราะเป็นแขก VIP ของนางปุ้ย

นางแพทแจ้งค่าตั๋วเครื่องบินทั้งหมด 7,960 บาท โดยให้สแกนจ่ายด้วยคิวอาร์โค้ด ตนจึงได้โอนเงินให้ไปครั้งที่ 1 พร้อมกับส่งเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของพระและชาวบ้าน เพื่อลงชื่อในการซื้อตั๋วเครื่องบิน หลังจากส่งเอกสารสำเนาบัตรไปให้โยมแพท อ้างว่า 4 คนที่เดินทางไปด้วยไม่ใช่พระ ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินในราคาเต็มอีก 7,960 บาท แล้วค่อยไปเบิกคืนเอากับนางปุ้ย ตนเริ่มสงสัย แต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไร

จึงได้โอนให้อีกเป็นครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 เป็นค่าเครื่องที่จะต้องบินต่อจากกรุงเทพฯไปจังหวัดภูเก็ตอีก 7,950 บาท รวม 3 ครั้งเป็นเงินกว่า 23,000 บาท หลังจากโอนไปให้ ตนเริ่มเอะใจคิดว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพ จึงได้สอบถามว่า โยมเป็นมิจฉาชีพใช่ไหม รถตู้ที่จะถวายให้วัดไม่เอาแล้ว เงินที่ได้ให้ไปก็คิดว่าไม่ได้คืนแล้ว ถือว่าเป็นกรรมชาติที่ผ่านมา ขอให้ยุติต่อกันไม่ต้องติดค้างกันอีก






ผู้สื่อข่าวได้ถามพระวีระชัยว่า เหตุที่สูญเงินไปครั้งนี้เป็นเพราะอะไร พระวีระชัยบอกว่า เป็นกรรมเก่า ไม่ได้เป็นเพราะโลภแต่อย่างใด แต่คิดเป็นคนสายบุญชอบถวายรถให้วัดต่างๆ ไว้ใช้ และที่เสียรู้ เพราะทีมสาวสิบแปดมงกุฎชุดนี้ไม่ได้ให้โอนเงินค่าธรรมเนียม หรือค่าภาษีอะไร จึงคิดไม่ถึงว่าจะมาเสียท่าเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ส่วนรถตู้ที่วัดมีอยู่ก็เป็นรถเก่าวิ่งไปก็ซ่อมไป บางครั้งก็ไปเสียกลางทาง จึงคิดว่าเมื่อมีคนใจบุญมาถวายรถให้ใช้งานก็เป็นเรื่องดี

เหตุที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เพราะอยากให้พระรูปอื่นๆ รู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อพวกมิจฉาชีพเหล่านี้ ส่วนทางคดีอาตมาไม่คิดจะเอาเรื่อง เพราะเป็นพระจะไปเอาผิดเพื่อเอาเงินคืนก็ไม่ใช่ แต่ญาติโยมก็ได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพเอาชื่อไปแอบอ้างหลอกลวงวัดอื่นๆ หรือแบบอื่นๆ ต่อไปเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น