สระแก้ว- บรรยากาศชายแดนสระแก้วยังเงียบเหงา ทางการกัมพูชาไม่มีทีท่าเปิดด่านให้รถขนส่งสินค้าไทยที่ตกค้างข้ามแดน แม้ไทยจะมีมาตรการผ่อนปรนเปิดด่านให้รถขนส่งสินค้าตามใบอนุญาตผ่านได้ในช่วงเวลาที่กำหนดอีก 7วัน
ภายหลังจากที่ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2568 ให้มีการผ่อนผันให้รถขนส่งสินค้าไทยที่ตกค้าง และรถขนส่งสินค้าตามใบขนสินค้าขาออกหรือใบขนสินค้าผ่านแดน ที่ได้ส่งข้อมูลเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร ก่อนวันที่ 25 มิ.ย.2568 ข้ามไปยังกัมพูชาและกลับเข้ามายังราชอาณาจักรไทย
เพื่อลดลดผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนตามหลักมนุษยธรรม ซึ่ง 1ในมาตรการสำคัญที่ กองกำลังบูรพา ได้ประสานหน่วยที่เกี่ยวข้องค ให้มีการผ่านเข้า-ออก บริดวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ ได้วันละไม่ตั้งแต่ 20-50 คันต่อวัน ตั้งแต่ 08.00 – 12.00 น.
และให้รถขนส่งสินค้าที่ได้ออกไปขนส่งสินค้า และรถขนส่งสินค้าที่ยังมิได้กลับเข้ามานับตั้งแต่ 23 มิ.ย.2568 ให้กลับเข้ามาในราชอาณาจักรได้ โดยต้องไม่มีสินค้าบรรทุกกลับเข้ามาด้วย ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย 2568 เป็นต้นไป และให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันนั้น
วันนี้ ( 29 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สังเกตุการณ์บริเวณชายแดน จ.สระแก้ว ว่ายังคงเงียบเหงาแม้ไทยจะออกคำสั่งผ่อนผันให้รถขนส่งสินค้าไทยสามารถเดินทางเข้า–ออกได้ตามแนวทางที่กำหนด ทั้งนี้เป็นเพราะฝั่งกัมพูชา ยังไม่มีท่าทีอนุญาตให้รถสินค้าของไทยเดินทางข้ามแดนได้
จนทำให้รถบรรทุกทั้งขนาด 10ล้อ และ 18 ล้อจำนวนมากยังคงต้องจอดรออยู่ในพื้นที่
โดยที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย–กัมพูชา หนองเอียน–สตึงบท ที่พบว่ามีรถบรรทุกสินค้าหลายคันจอดเรียงราย โดยมีบางคัน เป็นรถเปล่าเตรียมเดินทางกลับไทย แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เนื่องจากฝั่งกัมพูชายังไม่เปิดด่านให้เดินทางกลับ จนส่งผลให้เกิดความล่าช้าและความไม่แน่นอนในกระบวนการขนส่ง
เช่นเดียวกับที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด ก็ไม่ต่างกัน โดยพบว่ามีรถบรรทุกสินค้าที่คาดว่าจะกลับเข้าประเทศได้ ยังคงจอดนิ่งอยู่ฝั่งกัมพูชา บางคันรอมาแล้วหลายวันโดยไม่มีความคืบหน้า
ผู้ประกอบการบางรายระบุว่า ได้รับแจ้งเรื่องการผ่อนผันจากฝ่ายไทย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้จริง เนื่องจาก “คำสั่งไทยออกมาแล้ว แต่กัมพูชายังไม่ให้ออก” ส่งผลให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก และยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าจะสามารถกลับเข้ามาได้เมื่อใด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลให้กับทั้งผู้ประกอบการและแรงงานขนส่ง โดยเฉพาะในพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งมีรายได้หลักจากการค้าชายแดนและการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งต่างรอคอยโดยไม่มีความชัดเจนจน้กรงว่าจะกระทบต่อรายได้และระบบโลจิสติกส์ของทั้ง 2 ประเทศในระยะสั้น.