xs
xsm
sm
md
lg

สภาอุตฯ พิษณุโลกชงรัฐเปิดพื้นที่วังทองพันไร่ รับทุนยักษ์ทุ่มงบ 2,500 ล้านตั้งโรงงานแปรรูปยางฯ-ปาล์ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - สภาอุตฯ พิษณุโลกเปิดเวทีขับเคลื่อนพลังงานสะอาด พร้อมยื่นกระทรวงอุตฯ ขอเปิดพื้นที่วังทอง 1 พันกว่าไร่ตั้งศูนย์รวบรวม-แปรรูปผลผลิต เผยเอกชนพร้อมเทงบ 2,500 ล้านสร้างโรงงานแปรรูปยางพารา-ปาล์มน้ำมัน แบบครบวงจร


วันนี้ (26 มิ.ย. 68) นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้เป็นประธานเปิดเวทีเสวนา “เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานสะอาด” เตรียมพร้อมสู่ Energy Transition ซึ่งนางสาว พญา ธาราวุฒิ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สอท. จัดขึ้นที่โรงแรมเดอะพาร์ค จ.พิษณุโลก

เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านพลังงานก้าวให้ทันกระแสพลังงานสะอาด เริ่มจากโครงสร้างกิจการไฟฟ้าไทย ทิศทางของต้นทุนค่าไฟในอนาคต เทคโนโลยีด้านพลังงาน แผนรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ตามเป้าหมายที่ประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050 และลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065

ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลกกล่าวว่า โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านพลังงาน ราคาที่ผันผวน หากเราไม่เร่งปรับตัววันนี้ อาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต จึงต้องขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานสะอาด

ขณะที่จังหวัดพิษณุโลกจะต้องพัฒนาต่อไปโดยเฉพาะเรื่องโลจิตติกส์ของสี่แยกอินโดจีน จากภูมิศาสตร์ทำเลที่ตั้งมีทั้งรถไฟ เครื่องบิน-ถนนที่สะดวกเชื่อมถึงในหลายภูมิภาค จึงได้ยื่นหนังสือข้อเสนอโครงการต่อ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.หลายสมัย และ นาย พงษ์มนู ทองหนัก ส.ส.พิษณุโลก เขต 3 (วังทอง-เนินมะปราง) เมื่อ 22 มิ.ย. 68 ที่ อ.วังทอง ถึงแนวทางจัดตั้งศูนย์รวบรวมผลผลิต-แปรรูปขึ้นในพื้นที่ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ ยกระดับภาคเกษตรเข้าสู่ระบบเกษตรมูลค่าสูงตามแนวทาง BCG

เนื่องจากพิษณุโลกมีผลผลิตจากยางพารา-ปาล์มน้ำมันจำนวนมาก และมีการขยายพื้นที่ต่อเนื่อง ปริมาณยางพาราไม่น้อยกว่า 200,000 ไร่ ปาล์มน้ำมันไม่น้อยกว่า55,000 ไร่ ยังอยู่รูปแบบดั้งเดิม เกษตรกรส่วนใหญ่เน้นการจำหน่าย วัตถุดิบขั้นต้น เช่น น้ำยางดิบหรือทะลายปาล์มสด ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีแปรรูปขั้นกลางและขั้นปลาย เช่น โรงผลิตยางแท่ง น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์

ซึ่งส่งผลให้เสียโอกาสการเพิ่มมูลค่า ไม่สามารถเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมปลายน้ำ เช่น อุตสาหกรรมยาง ยานยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องยกระดับภาคการเกษตรเข้าสู่ระบบเกษตรมูลค่าสูงที่ยั่งยืน ตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เน้นการพัฒนา ระบบแปรรูปครบวงจร การจัดการของเสียเพื่อลดคาร์บอน การสนับสนุน เทคโนโลยีสีเขียว


แนวทางดำเนินการเป็นรูปธรรมใน 6 ด้าน คือ
1. สนับสนุนการลงทุนในโรงงานแปรรูปขั้นกลางและขั้นปลาย เช่น โรงผลิตยางแท่ง ยางพาราแปรรูป น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ปุ๋ยอินทรีย์จากกากปาล์มส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ ชีวภาพ (Bio-based) เช่น วัสดุก่อสร้างจากยาง กาวชีวภาพ หรือพลาสติก ชีวภาพจากของเสียพืชน้ำมัน
2. พัฒนาระบบโลจิสติกส์รองรับ BCG : ขยายระบบ ชลประทานเพื่อรองรับการผลิตยางและปาล์มคุณภาพสูงในพื้นที่นอกเขต ชลประทาน

3. พัฒนาระบบจัดการของเสียในสวนยางและปาล์ม เช่น การผลิตพลังงานชีวมวลจาก เศษใบไม้-กิ่งไม้ หรือการหมักกากปาล์มเป็น Biogas พร้อมจัดตั้งแปลง ต้นแบบ "Zero Waste เบื้องต้น 3 หมู่บ้านภายในปีแรก
4. ถ่ายทอดเทคโนโลยี Smart Agriculture เช่น ระบบน้ำหยดอัตโนมัติ เซ็นเซอร์วัด ความชื้น/ธาตุอาหารในดิน เพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขัน
5. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์หรือ Cluster อุตสาหกรรมเกษตร มุ่งพัฒนาแบรนด์สินค้าท้องถิ่น เช่น “ยางพาราคุณภาพสูงจากพิษณุโลก” หรือ “น้ำมันปาล์มปลอดคาร์บอน” เพิ่มอำนาจต่อรองและขยายตลาด
6. สนับสนุน เกษตร BCG” ระดับพื้นที่ แบบครบวงจร โดยเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยในพื้นที่ ทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเชิงพาณิชย์

ภายใต้เป้าหมาย รายได้เฉลี่ยต่อไร่ของเกษตรกรยางพาราและปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ภายใน 3 ปี สัดส่วนผลผลิตที่เข้าสู่ระบบแปรรูปขั้นกลางหรือขั้นปลาย เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของผลผลิตรวมภายใน 3 ปี

โดยกำหนดพื้นที่โครงการตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ประมาณ 1,146-1,383 ไร่ เป็นโครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมแบบบูรณาการ ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG ครอบคลุมกิจกรรมตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ การแปรรูปขั้นกลางและขั้นปลาย

เบื้องต้นมีตั้งโรงงานแปรรูปยางธรรมชาติขนาดใหญ่ ใช้กำลังเครื่องจักร ประมาณ 12,000 แรงม้า สามารถผลิตยางเครป ยางแท่ง และยางรูปแบบต่างๆ ได้มากถึง 140,000 ตันต่อปี และมีบุคลากรในพื้นที่กว่า 320 คน ตั้งโรงงานแปรรูปทะลายปาล์มใช้กำลังเครื่องจักร 30,000 แรงม้า สามารถรองรับทะลายปาล์มได้ 60 ตันต่อชั่วโมง และจ้างแรงงานในพื้นที่กว่า 120 คน เชื่อมโยงกับการพัฒนา เศรษฐกิจหมุนเวียนตามแนวทาง BCG อย่างเป็นรูปธรรม ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 12 เดือน

โดยเสนอแนวทางภาครัฐจะสนับสนุนการบูรณาการในพื้นที่ร่วมกับท้องถิ่น ใช้งบประมาณภาครัฐ 3,000,000 บาท ส่วนภาคเอกชนลงทุนเองทั้งหมดจะเตรียมพื้นที่เพื่อก่อสร้างโรงงานแปรรูปครบวงจร โดยงบลงทุนเต็มรูปแบบ (ระยะก่อสร้างประมาณ 24 เดือน) ประมาณ 2,500,000,000 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น