ฉะเชิงเทรา – กรมทางหลวง เตรียมทุ่มงบ 1 พันล้านบาทปรับขยายถนนสาย 34 เทพรัตน (บางนา-ตราด) ช่วงตอนทางเชื่อมถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 แยกบางควาย จ.ฉะเชิงเทราจาก 10 ช่องจราจรเป็น 12 ช่องจราจรแก้ปัญหาความแออัด
วันนี้ ( 23 มิ.ย.) สำนักแผนงานกรมทางหลวง พร้อมด้วย บริษัทเอ็นแคดคอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ปรึกษาโครงการปรับขยายถนนสาย 34 เทพรัตน (บางนา-ตราด) ช่วงตอนทางเชื่อมถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 แยกบางควาย ได้จัดการประชุมเพื่อหารือแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทางหลวงหมายเลข 34 เทพรัตน (บางนา-ตราด) เพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่โครงการก่อสร้างขยายเส้นทางรวม 18 หมู่บ้านใน 3 ตำบลที่อยู่ในรัศมี 500 เมตรจากกึ่งกลางโครงการ ประกอบด้วย ต.บางสมัคร ,ต.บางวัว และ ต.บางปะกง
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นภายในหอประชุม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีตัวแทนชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นำชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 80 คน
โครงการปรับปรุงขยายถนนเพิ่มช่องจราจร มีจุดประสงค์ลดปัญหาความแออัดด้านการจราจรบนถนนสาย 34 ช่วงตอนบางวัว จากบริเวณทางเชื่อมถนนมอเตอร์เวย์ สาย 7 (แยกบางควาย) กม.39+200 ไปยังจุดตัดต่างระดับคลองอ้อมถนนสาย 314 กม.ที่ 46+075 จาก 10 ช่องจราจรเป็น 12 ช่องจราจรรวมระยะทาง 6.875 กม.พร้อมโครงการปรับปรุงสภาพผิวการจราจรและสร้างสะพานกลับรถ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่นในช่วงเร่งด่วน
นายทศพร พยูรวงศ์ รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงฉะเชิงเทราฝ่ายวิศวกรรม และนายวสันต์ พรหมบุญ หัวหน้าหมวดทางหลวงบางปะกง ได้ให้รายละเอียดว่า ปัจจุบันพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีประชากรหนาแน่นและมีโรงงานอุตสาหกรรมและสถานประกอบการตั้งอยู่ริมถนนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความแออัดด้านการจราจร ซึ่งในแต่ละวันจะมียานพาหนะผ่านเส้นทางเฉลี่ยมากถึง 102,462 คัน และส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มีมากถึงกว่าร้อยละ 55.25
กรมทางหลวง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขยายช่องการจราจรด้านฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปยัง จ.ชลบุรี จากในช่องทางหลัก 2 ช่องจราจรเป็น 3 ช่องจราจร และทางคู่ขนานจาก 2 ช่องจราจรเป็น 3 ช่องจราจร และปรับปรุงพื้นผิวการจราจรด้านฝั่งขาเข้า กทม. ที่มีช่องจราจรในช่องทางหลักจำนวน 3 ช่องจราจรอยู่แล้ว และมีช่องทางคู่ขนาน 3 ช่องจราจรอยู่ก่อนแล้วเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังจะทำการปิดช่องยูเทิร์นกลับรถระดับพื้นดินที่บริเวณ กม.41+200 เพื่อลดปัญหายานพาหนะตัดขวางการจราจรในช่องทางหลักหรือรถตัดกระแสกัน และมักเกิดอุบัติเหตุอันตรายรุนแรงบ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ใช้ทางใช้ความเร็วสูง
และจะทำการก่อสร้างจุดกลับรถแบบสะพานเกือกม้าให้ผู้ใช้ทางกลับรถข้ามเส้นทางหลักทดแทนจำนวน 1 จุด ที่บริเวณ กม.39+220 รวมถึงการปรับปรุงจุดกลับรถแบบเกือกม้าที่มีอยู่เดิมอีกจำนวน 2 จุดระยะห่างกันประมาณ 3 กม.ให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย
แต่เนื่องจากโครงการขยายถนนสาย 34 มีแหล่งโบราณสถานที่อยู่ใกล้ในรัศมี 1 กม. 1 แห่ง คือ วัดอุสภาราม (วัดบางวัว) หรือวัดหลวงพ่อดิ่ง ที่อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางโครงการประมาณ 550 เมตรและอยู่ห่างจากเขตการก่อสร้างประมาณ 400 เมตร ที่อาจได้รับผลกระทบ ทั้งด้านฝุ่นละอองและเสียงเข้าไปรบกวนระหว่างการก่อสร้าง
จึงจำเป็นต้องมีการจัประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ สำหรับประกอบการทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งหากโครงการผ่านการอนุมัติจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างขยายช่องทางการจราจรได้ในช่วงประมาณปี 2570