บุรีรัมย์ - ชาวบ้านชายแดน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่วนใหญ่เห็นด้วยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” ไม่มีกำนด ชี้มีผลกระทบด้านการค้าขายแต่เชื่อพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ แต่ภาพรวมเกิดผลดีต่อไทยมากกว่า เผยกาสิโนชายแดนเขมรดูดเงินไทยไหลออก หลายคนข้ามไปเล่นพนันหมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้ถึงขั้นขายสวนยาง พร้อมให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 หนุนใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อปกป้องอธิปไตยไทย
วันนี้ (23 มิ.ย. 68) ชาวบ้านในตำบลจันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยที่แม่ทัพภาคที่ 2 มีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูไม่มีกำหนด เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย โดยชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการปิดจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูอาจส่งผลกระทบต่อการค้าขายของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนแน่นอน แต่หากเกิดประโยชน์ต่อภาพรวมของประเทศ ทุกคนก็ยอมรับและพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม มองว่าจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะชาวกัมพูชาส่วนมากข้ามมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฝั่งไทย ส่วนฝั่งไทยข้ามไปซื้อเหล้า เบียร์ บุหรี่ และเล่นการพนันที่กาสิโน หากเทียบแล้วเงินไทยจะไหลออกไปกัมพูชามากกว่า และจากข้อมูลพบว่าหลายคนที่ข้ามไปเล่นพนันกาสิโน ส่วนมากจะเสียเงิน บางคนมีหนี้สิน จนต้องขายสวนยางเพื่อใช้หนี้ จึงเชื่อว่าการปิดช่องสายตะกูอาจจะเป็นผลดีต่อกลุ่มคนที่ชอบเล่นการพนันด้วยซ้ำ ก็จะได้ไม่ต้องเสียเงินเสียทองหมดเนื้อหมดตัว
ทั้งนี้ ชาวบ้านยังได้ส่งกำลังใจให้แม่ทัพภาคที่ 2 ในการทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติไทย พร้อมสนับสนุนให้ใช้มาตรการเด็ดขาดตามความเหมาะสมหรือสถานการณ์หากจำเป็น เพื่อตอบโต้กัมพูชาหากยังดื้อรุกล้ำดินแดนไทย ทั้งนี้ยังเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกเพื่อรับผิดชอบกรณีที่แอบตกลงกับผู้นำกัมพูชาลับหลังคนไทย ซึ่งหากเป็นคนอื่นที่ทำแบบนี้คงถูกจับติดคุกไปแล้ว แต่นายกฯ กลับไม่รับผิดชอบอะไรเลย