มหาสารคาม - มหาวิทยาลัยมหาสารคามจับมือกรมทรัพยากรธรณีฯ แถลงความสำเร็จค้นพบ “การูแดปเทอรัส บุฟโตติ” สัตว์เลื้อยคลานบินได้ ตัวแรกของไทย อายุกว่า 130 ล้านปี ที่แหล่งพระปรง อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
วันนี้ (18 มิ.ย.) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และรองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อส่งเสริมและพัฒนางานศึกษาวิจัยด้านซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยา และธรรมชาติวิทยา รวมถึงกิจกรรมการสำรวจและขุดค้นซากดึกดำบรรพ์ในประเทศ การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ และการประชุมวิชาการด้านซากดึกดำบรรพ์และธรณีวิทยาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ
มีนางสาวอรอุมา สุ่มมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2, รองศาสตราจารย์มงคล อุดชาชน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา, นางสาวพรรณิภา แซ่เทียน ผู้อำนวยการส่วนมาตรฐานและข้อมูลซากดึกดำบรรพ์กองคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ และศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ ประมวล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ร่วมลงนามเป็นพยาน
หลังพิธีลงนาม ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันแถลงข่าวการค้นพบครั้งสำคัญของวงการบรรพชีวินวิทยาไทย นั่นคือ "การูแดปเทอรัส บุฟโตติ" (Garudapterus buffetauti) ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานบินได้ หรือเทอโรซอร์ (Pterosaur) ตัวแรกที่พบในประเทศไทย
ดร.ศิตะ มานิตกุล นักวิจัยสังกัดศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ค้นพบ เปิดเผยว่า การค้นพบนี้มาจากส่วนกะโหลกและฟัน ที่แหล่งพระปรง อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ในชั้นหินยุคครีเทเชียสตอนต้น มีอายุประมาณ 130 ล้านปี ภายหลังการอนุรักษ์ตัวอย่างจึงทราบว่าเป็นส่วนปลายของขากรรไกรบน
การค้นพบนี้ได้นำไปสู่ความร่วมมือของเครือข่ายนักบรรพชีวินวิทยาไทยและต่างชาติ ทั้งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กรมทรัพยากรธรณี มหาวิทยาลัยเซาเปาโล ประเทศบราซิล และมหาวิทยาลัยฉือเหอจือ ประเทศจีน และได้ตีพิมพ์การค้นพบเทอโรซอร์สกุลใหม่ชนิดใหม่ของโลกนี้ ซึ่งเป็นชนิดแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงในวารสาร Cretaceous Research เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“การูแดปเทอรัส บุฟโตติ” มีชื่อสกุลว่า “การูแดปเทอรัส” ซึ่งหมายถึง “ปีกครุฑ” และคำระบุชนิด “บุฟโตติ” เพื่อเป็นการให้เกียรติแด่ ดร.เอริก บุฟโต (Eric Buffetaut) นักบรรพชีวินวิทยาชาวฝรั่งเศส ผู้มีส่วนสำคัญในงานด้านบรรพชีวินวิทยาสัตว์มีกระดูกสันหลังในประเทศไทยมานานกว่า 40 ปี
เทอโรซอร์ชนิดใหม่นี้เป็นเทอโรซอร์หางสั้นจำพวกเทอโรแดคทิลลอยด์ (Pterodactyloidea) ในกลุ่มนาโธซอรีน (Gnathosaurinae) มีลักษณะพิเศษที่ปลายปากแผ่ออกคล้ายนกปากช้อน มีเบ้าฟันปูดยื่นออกมา และฟันแหลมเรียวยาวออกมาด้านนอก ทำให้พวกมันสามารถจับปลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีความกว้างของปีกประมาณ 2.5 เมตร
ดร.ศิตะกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ประเทศไทยจะมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์จำนวนมากถึง 13 ชนิดใหม่ของโลกจากภาคอีสาน แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้มีสัตว์มีกระดูกสันหลังกลุ่มอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศร่วมกับไดโนเสาร์ ทั้งปลา สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลานกลุ่มต่างๆ เช่น กิ้งก่า เต่า จระเข้ รวมถึงเทอโรซอร์
เทอโรซอร์มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไดโนเสาร์ที่บินได้ หรือนกยักษ์โบราณ แต่แท้จริงแล้วเป็นกลุ่มของสัตว์เลื้อยคลานที่เป็นญาติใกล้ชิดกับไดโนเสาร์ กำเนิดและสูญหายไปในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พวกมันเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังกลุ่มแรกที่วิวัฒน์ร่างกายจนสามารถบินได้ มีรูปร่างและขนาดหลากหลาย ตั้งแต่ตัวเท่านกน้อยไปจนถึงสูงใหญ่เท่ายีราฟ กลไกการบินของเทอโรซอร์คือการวิวัฒน์กระดูกให้เบา เต็มไปด้วยถุงลม ซึ่งช่วยลดน้ำหนักในการบิน อีกทั้งมีแผ่นปีกและกล้ามเนื้อแข็งแรงช่วยในการกระพือและยกตัว
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างกระดูกที่บางคล้ายนกเช่นนี้ ทำให้การกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ของเทอโรซอร์นั้นยากขึ้นไปด้วย ซึ่งในประเทศไทยก่อนหน้านี้มีรายงานการพบเพียงฟันเดี่ยวและกระดูกรยางค์เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น งานวิจัยครั้งนี้นับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญในภาคตะวันออก ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีอีกหลายพื้นที่นอกภาคอีสานที่สามารถพบซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังได้ และยังช่วยเติมเต็มข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพยุคดึกดำบรรพ์ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี