xs
xsm
sm
md
lg

4 ปียังมืดมน! เศรษฐีพรหมพิรามเดินหน้าสู้ ทวงเงินอดีตลูกเขย ผจก.แบงก์ ยักยอกเงินจากบัญชี 65 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - “เฮียฝา” เศรษฐีหนองตม พรหมพิราม สู้ 4 ปีไม่มีหยุด..ร้องศูนย์ดำรงธรรมพิษณุโลกอีกครั้ง หลังฟ้องอดีตลูกเขย-อดีตผู้จัดการแบงก์ ยักยอกทรัพย์กว่า 65 ล้านบาท วันนี้ยังไม่ได้คืนสักบาท แม้ขอหลักฐานจากแบงก์ชาติ เจอผู้รับเงินโอนปลายทางชัด แต่ ตร.อ้างไม่มีผู้รับเงิน-ยื่น "อัยการ" ก็เจอคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง


วันนี้ (18 มิ.ย. 68) นายสมยศ พงศ์กิตติโพสิฐ อายุ 56 ปี พร้อมด้วยบิดา คือ นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี อายุ 81 ปี หรือเฮียฝา เศรษฐีชาวหนองตม ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก นำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นเรื่องต่อนายเชาวลิตย์ ชมวิจิตร ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน

ทั้งนี้ 4 ปีที่ผ่านมาทั้งคู่เคยเข้าร้องเรียนและบุกไปที่หน้าธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่กรณี พร้อมระบุว่าถูกลูกสาวซึ่งเป็นลูกติดภรรยาและลูกเขย เคยเป็นอดีตผู้จัดการธนาคารดังกล่าวในพื้นที่ภาคเหนือ ยักยอกเงินในบัญชีธนาคารที่ได้ทยอยฝากไว้กว่า 65 ล้านบาท โดยอ้างว่า ต้องฝากบัญชีรวมยอดมากๆ แก่สมุห์บัญชีเพื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการธนาคาร

ตลอดระยะที่ผ่านมา เฮียฝาต้องเดินทางไปร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตนเอง ให้ตรวจสอบเส้นทางเงินบัญชีธนาคารของอดีตลูกเขย อาทิ รายการโอนเงินต่างๆ ซึ่งก็พบระบุปลายทางของผู้รับเงินดังกล่าวเป็นของคู่กรณี และมีการโอนเงินออกหลายครั้งชัดเจน

แต่เมื่อเอาผิดทางคดี กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคนของรัฐ อาทิ ตนทำหนังสือร้องเรียนไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อ 15 กรกฎาคม 2564 และแจ้งให้ธนาคารต้นสังกัด ติดตามและตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารสาขาพิษณุโลก แต่นำไปแจ้งความต่อ สภ.เมืองลำปางแล้ว กลับไม่มีการดำเนินคดี รอง ผกก.สอบสวนฯ แจ้งว่า มีการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม สาขาถนนฉัตรไชย ลำปาง จำนวน 2 รายการ คือ ยอด 300,000 และยอด 500,000 บาท แต่ไม่ทราบบัญชีปลายทาง จึงไม่ดำเนินดดีใดๆ

นอกจากนี้ รายการบางบัญชีนำไปฟ้องต่ออัยการ สำนวนความอาญาระหว่าง นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี ผู้กล่าวหา กับ นางสุวรรณฯ (ขอสงวนนามสกุล) กับพวกรวม 2 คน ผู้ต้องหา ข้อหาปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้สิทธิปลอมและลักทรัพย์ ซึ่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองแพร่เห็นควรสั่งฟ้อง แต่อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 5 รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดแพร่ ก็มีคำสั่งเด็ดขาด ไม่ฟ้อง

นอกจากนี้บางคดีความอาญาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลชั้นต้นพิษณุโลกก็ยังถูกพิจารณาคดีให้ยกฟ้องอีก

ล่าสุด “เฮียฝา” ได้พยายามหาหลักฐานใหม่ เพื่อจะขอยื่นฟ้องศาลอุทธรณ์ พร้อมให้ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลกได้ประสานไปยังตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกและตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญบัญชีการโอนเงินไปยังปลายทางของคู่กรณี

แต่ทางตำรวจตรวจสอบแล้วกลับไม่พบปลายทางของผู้รับเงินนั้น สร้างความเคลือบแคลงใจและสงสัย เพราะมีหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับแจ้งว่าไม่มีปลายทางของผู้รับเงิน จึงต้องออกมาขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนและกระบวนการยุติธรรม เพื่อหวังว่าสุดท้ายบั้นปลายชีวิตจะได้ใช้เงินที่ตนเองเป็นผู้หามาด้วยความยากลำบาก แล้วโดนคนใกล้ชิดที่ไว้ใจมาก่อเหตุยักยอกทรัพย์ไปเช่นนี้

อนึ่ง นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี หรือเฮียฝา ทำธุรกิจค้าข้าวเปลือก ปล่อยเงินกู้ รับฝากจำนองโฉนดที่ดิน ได้ชื่อเป็นคหบดีใหญ่พรหมพิราม มีทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท แต่งงานกับภรรยาและมีลูกแท้ๆ ด้วยกัน 2 คนเป็นลูกชาย ส่วนภรรยาอีกคน มีลูกติดมาด้วย 3 คน หนึ่งในนั้นก็คือภรรยาของอดีตผู้จัดการธนาคารที่เฮียฝานำเงินที่มีการแบ่งทรัพย์สิน หลังภรรยาเสียชีวิต ไปฝากเข้าบัญชีไว้

กระทั่งลูกชายคนโตเห็นความผิดปกติ พบเงินถูกถอนไปโดยไม่มีสมุดบัญชีและมีการทำตั๋วแลกเงินไม่สั่งจ่ายเป็นเช็คหลายครั้ง จนมาทราบภายหลังว่า..เงินในบัญชีถูกถ่ายโอนไปยังบัญชีของคู่กรณี จึงนำหาพยานและหลักฐานต่างๆ ต่อสู้คดีร่วมกับบิดา ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งพ่อลูกก็เคยบุกไปที่ธนาคารสร้างความแตกตื่นและไม่พอใจต่อพนักงานธนาคารมาแล้ว รวมทั้งดิ้นรนไปแบงก์ชาติ และ สภ.ลำปาง สภ.แพร่ และอัยการต่างๆ หวังให้คู่กรณีถูกดำเดินคดีตามกฎหมาย แต่วันนี้ทุกอย่างยังมืดมน
กำลังโหลดความคิดเห็น