เชียงราย/เชียงตุง - ทั้งทหารกรมกิจการชายแดน กองทัพภาค 3 จนท.คพ.จังหวัดเชียงราย ยกคณะเข้าเชียงตุง มอบคอมพ์-หารือแม่ทัพภาคสามเหลี่ยมทองคำเมียนมา ขอเร่งขุดลอกน้ำสาย/น้ำรวก กันน้ำท่วมใหญ่ซ้ำ พร้อมเปิดทางตรวจเหมืองเขตว้า แก้ปมทิ้งน้ำปนเปื้อนสารหนู-โลหะหนัก
คณะตัวแทนจากสำนักกิจการชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กรมควบคุมมลพิษ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางไป จ.เชียงตุง เมืองเอกของรัฐฉานตะวันออกและกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ระหว่างวันที่ 17-20 มิ.ย.นี้
เพื่อประชุมหารือร่วมกับ พล.จ.โซ หล่าย ผบ.ภทบ.ภาคสามเหลี่ยม และคณะสนับสนุนการติดตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประจำห้องปฏิบัติการ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานทรัพยากรสิ่งแวดล้อมเชียงตุง
ติดตามสถานการณ์ไฟป่าบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา การขุดลอกแม่น้ำสาย และการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ซึ่งเป็นเส้นเขตแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.เชียงราย
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยและเมียนมาได้ร่วมกันติดตั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานทรัพยากรสิ่งแวดล้อม จ.เชียงตุง และมีการประชุมหารือร่วมกับ พล.จ.โซ หล่าย ผบ.ภทบ.ภาคสามเหลี่ยม เยี่ยมชมสำนักงานทรัพยากรสิ่งแวดล้อม จ.เชียงตุง อบรมการติดตามไฟป่า การสาธิตของผู้เข้ารับการอบรม ฯลฯ
โอกาสนี้ คณะตัวแทนฝ่ายไทยได้แจ้งข้อหารือกรณีแก้ปัญหาอุทกภัยหรือน้ำท่วมว่า จากการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา เกี่ยวกับเขตแดนคงที่ช่วงแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก (JCR) และ Sub-JCR ไทยได้มีการขุดลอกไปแล้วมากกว่าร้อยละ 50 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ค.นี้ และทราบว่าฝ่ายเมียนมาได้เริ่มขุดลอกตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงขอให้ช่วยเร่งรัดให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ภายในอีก 40 วัน
ขณะที่การรื้อถอนสิ่งก่อสร้างรุกล้ำแม่น้ำสายฝ่ายเมียนมาดำเนินการไปแล้ว 45 จุด คงเหลือ 31 จุด จึงขอให้ฝ่ายเมียนมาเร่งรัดเพื่อให้แม่น้ำสายมีความกว้างกว่าเดิม ส่วนฝ่ายไทยดำเนินการจำนวน 24 จุด
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้หารือเรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำสายว่ากรมควบคุมมลพิษของไทยโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ ได้ตรวจคุณภาพน้ำผิวดิน 3 ครั้ง คือวันที่ 21-24 เม.ย. 2568, วันที่ 1-2 พ.ค. 2568 และวันที่ 19 พ.ค. 2568 จำนวน 17 จุด ต่างพบมีสารหนูเกินค่ามาตรฐาน โดยในแม่น้ำสายอยู่ที่ 0.044-0,048 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งคาดว่าเกิดกระบวนการทำเหมืองแร่ที่ไม่ได้รับการบำบัดในพื้นที่ต้นน้ำฝั่งเมียนมาบริเวณ จ.เมืองสาด เมืองยอน รวมทั้ง จ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ
ดังนั้นจึงขอฝ่ายเมียนมาให้แก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยเปิดให้ชุดตรวจของกรมควบคุมมลพิษของไทยได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ของเมียนมา ขอข้อมูลสัมปทานที่เมียนมาให้ไว้กับบริษัทต่างๆ เพื่อใช้ในการเจรจากับทางการของบริษัททำเหมือง และฝ่ายไทยยินดีจะเข้าไปให้ข้อแนะนำการทำเหมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
