xs
xsm
sm
md
lg

ตร.กองปราบฯ สนธิกำลังนำหมายศาลบุกจับบ่อดินเถื่อนสันกำแพงลอบขุดขนดินขายนานกว่า 13 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ตำรวจกองปราบฯ สนธิกำลังตำรวจ ปทส.ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.สส.ภ.5, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันกำแพง ฝ่ายปกครองอำเภอสันกำแพง และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบวกค้าง นำหมายศาลบุกจับบ่อดินเถื่อนในพื้นที่บ้านกอสะเรียม ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หลังลักลอบขุดและขนดินมานานถึง 13 ปี โดยขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นพบมีการนำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาปิดทางเข้า-ออก เพื่อเปิดทางให้คนงานหลบหนีด้วย


วันนี้ (17 มิ.ย. 68) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สารวัตรกองกำกับการ 4 กองปราบปราม พร้อมด้วย พ.ต.ต.จิรายุ อิ่นแก้ว สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจ ปทส.ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม, เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.4 บก.ปทส., ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.สส.ภ.5, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันกำแพง ฝ่ายปกครองอำเภอสันกำแพง และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบวกค้าง ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ่อดินแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านกอสะเรียม ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นคนงานในบ่อดินเกิดไหวตัวทันนำรถบรรทุกและรถกระบะมาปิดทางเข้า-ออก เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่บ่อดินได้ จังหวะนั้นคนงานที่กำลังทำงานได้ฉวยโอกาสขับรถหลบหนีไปได้ 5 คน ขณะเดียวกันมีชายคนหนึ่งทราบภายหลังว่าชื่อนายมร (นามสมมติ) เป็นเจ้าของบ่อดินขับรถกระบะโตโยต้าสีขาวมาพร้อมด้วยคนงานต่างด้าวอีก 2 คน ได้มาจอดเจรจากับเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะเปิดประตูบ่อดินให้เจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าไปตรวจค้น พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สารวัตรกองกำกับการ 4 กองปราบปราม จึงได้นำหมายศาลให้นายมร และเข้าตรวจค้นพบรถบรรทุกมีดินอยู่เต็มหลังรถ ใกล้กันพบรถแบ็กโฮจอดอยู่ ส่วนคนงานได้หลบหนีไป 4 คน


จากการสอบสวนเบื้องต้นนายมรให้การยอมรับว่าเป็นเจ้าของบ่อดินดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานายมร เจ้าของบ่อดินกับพวก ซึ่งเป็นคนงาน, คนขับรถบรรทุกที่พบอยู่ในบ่อขุดดินที่เกิดเหตุได้หลบหนีการจับกุม กระทำความผิด ร่วมกันทำการขุดดินโดยมีความลึกจากระดับพื้นดินเกิน 3 เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นเรื่องให้หยุดทำการขุดดินฯ, ร่วมกันตั้งโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, ร่วมกันประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ

นอกจากนี้ยังแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อนายมร ฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย, รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตฯ, ร่วมกัน ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำความผิด เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ก่อนจะนำตัวนายมร และคนงานต่างด้าวทั้ง 2 คน พร้อมด้วยของกลางรถแบ็กโฮ 2 คัน รถบรรทุกพ่วง 3 คัน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง ดำเนินคดีต่อไป


ด้าน พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สารวัตรกองกำกับการ 4 กองปราบปราม ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีนายทุนลักลอบขุดดินและขนดินนำไปขาย โดยไม่มีใบอนุญาต สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งเรื่องมลพิษ และลำเหมืองบริเวณใกล้เคียงได้หายไป ทำให้ชาวบ้านไม่มีน้ำใช้เพื่อทำการเกษตร จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปราม ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมอบหมายให้ พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป.ดำเนินการทำการปราบปรามจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น พื้นที่ดังกล่าวถูกขุดดินลึกกว่า 20 เมตร เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากระบบดาวเทียม พบมีการทำบ่อดินถึง 69 ไร่ ก่อนหน้านี้มีการขุดบ่อดินมานานโดยได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ต่อมาเมื่อปี 2555 จังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศผังเมืองใหม่ทั่วจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้พื้นที่ ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง ไม่สามารถประกอบกิจการอุตสาหกรรมบางประเภทได้ ทำให้บ่อดินแห่งนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการได้ แต่เจ้าของบ่อดินกลับดำเนินกิจการเรื่อยมา นานกว่า 13 ปี

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบวกค้างได้ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า ก่อนหน้าที่จะมีการตรวจสอบ ทางเทศบาลตำบลบวกค้างได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่ทำการเกษตรรอบบ่อดินว่าได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการบ่อดิน ทั้งเรื่องน้ำจากลำเหมืองที่ไหลลงสู่บ่อดินทำให้เกษตรกรไม่สามารถเพาะปลูกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูแล้ง ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าลำเหมืองสาธารณะหายไปกับบ่อดินรวม 2 สาย เนื่องจากเจ้าของบ่อดินได้กว้านซื้อที่นาของชาวบ้านคร่อมลำเหมืองสาธารณะและทำการขุดดินขายจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบว่าพื้นที่ดังกล่าวถูกขุดบ่อดินเป็นวงกว้างประมาณ 90,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าดินที่ถูกขุดออกไปมากถึง 2 ล้านลูกบาศก์เมตร








กำลังโหลดความคิดเห็น