พิจิตร - แวดวงการศึกษาเมืองชาละวันป่วน..หลังเจอเรื่องโป๊ะแตกตัวแทนประกันชีวิตเถื่อน ลวงซื้อประกันกลุ่มตามโรงเรียน-ศูนย์เด็กเล็ก พอเด็กวังทรายพูนวัย 3 ขวบตกเตาเผาถ่านนอน รพ.เกือบ 50 วัน-ต้องตัดนิ้วทิ้ง 3 นิ้ว เคลมไม่ได้ พอโดนจับได้ไล่ทันขอเคลียร์จบ 5 หมื่น นอภ.สาวลึกพบทำมาหลายปี อีกโรงเรียนเด็ก 93 รายตกเป็นเหยื่อ
วันนี้ (17 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอนก ถนอมจิตร์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดพิจิตร, นายประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นางสาวสาวิตรี สร้อยอุทา นายอำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่ศูนย์เด็กเล็ก อบต.หนองพระ สืบหาข้อเท็จจริงผู้แอบอ้างตนหลอกขายประกันกลุ่มให้เด็กเล็กและเด็กนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ ที่ยิ่งสืบยิ่งสอบก็ยิ่งเจอเพิ่มบานปลาย
หลังเกิดกรณี เด็กหญิงปรีญากมล อายุ 3 ขวบ ที่เรียนอยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านยางสามต้น อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ประสบเหตุถูกไฟลวกตามร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์ ต้องเข้ารับการรักษาตัวเกือบ 50 วัน และต้องตัดนิ้วเท้าถึง 3 นิ้ว แต่เมื่อผู้ปกครองจะขอใช้สิทธิ์เคลมประกันเพื่อเบิกจ่ายค่ายา ค่าชดเชยจากการสูญเสียอวัยวะ ปรากฏว่าเคลมไม่ได้
เนื่องจากนายหน้าตัวแทนขายประกัน ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเป็นตัวแทนของบริษัท แต่มาแสดงตนหลอกขายประกันหมู่ให้กับเด็กในศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ภายใน อบต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร
จากการลงพื้นที่พบกับพ่อแม่ของเด็กที่ประสบเหตุเล่าให้ฟังว่า ช่วงปฐมนิเทศผู้ปกครองก็มีบุคคลแสดงตนเป็นตัวแทนบริษัทประกันภัยชื่อดังแห่งหนึ่งมาให้ความรู้เรื่องการประกันกลุ่มกับเด็กๆ ว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือสูญเสียอวัยวะร่างกายหรือเสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชย แต่ทุกคนต้องเสียเงินทำประกันแบบกลุ่มคนละ 200 บาท
ซึ่งผู้ปกครองของเด็ก 25 คนก็ยอมจ่ายเงินซื้อประกัน โดยส่งมอบเงินให้กับครูผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็ก เอาเงินไปจ่ายให้นายหน้าขายประกันคนดังกล่าว และได้เห็นแค่เพียงใบเสร็จรับเงินของผู้ซื้อประกัน 25 ราย เป็นเงิน 5,000 บาทเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้รับกรมธรรม์หรือได้เห็น ได้อ่าน กรมธรรม์แต่อย่างใด โดยคิดว่าผู้มาขายประกันคงได้รับการตรวจสอบคุณสมบัติจาก อบต.หรือครูผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็กแล้ว
จนกระทั่งลูกสาวได้ไปเที่ยวบ้านญาติแล้ววิ่งเล่นแล้วประสบอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในเตาเผาถ่านถูกไฟลวกเป็นแผลฉกรรจ์จึงรู้ว่าถูกหลอกซื้อประกันกลุ่มและไปแจ้งความ ต่อมาผู้ขายประกันรายนี้ก็นำเงินส่วนตัวมาให้ เป็นเงิน 1,800 บาท ค่านอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 25,000 บาท
และเมื่อเรื่องดังกล่าวเป็นคดีถึงโรงพักตอนนี้ก็จะยอมจ่าย 50,000 บาท เพื่อขอให้จบเรื่อง แต่พ่อแม่ของเด็กก็ไม่ยอมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดรวมถึงฝ่ายปกครองและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประจำจังหวัดพิจิตร ก็เข้าร่วมเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วด้วยเช่นกัน
นางสาวสาวิตรี สร้อยอุทา นายอำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่าได้สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนประถมที่ตั้งอยู่ใน ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ทำประกันกลุ่มกับนายหน้าคนนี้ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว พอมีเหตุเกิดขึ้นจึงได้รู้ว่าเป็นมิจฉาชีพที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัทประกันภัย
ส่วนของความช่วยเหลือเด็กที่ประสบเหตุขณะนี้ นางสาวธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มอบหมายให้ นายกิติพล เวชกุล รองผู้ว่าฯ พร้อมด้วย พมจ.พิจิตร และ สสจ.พิจิตร ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว รวมถึงจะส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี กทม. โดย อบจ.พิจิตรมีกองทุนค่าเดินทางให้ ส่วน พมจ.ก็จะหาที่พักให้ผู้ปกครองได้พักในช่วงที่พาลูกเดินทางไปหาหมอที่ รพ.ราชวิถีด้วย รวมถึงความช่วยเหลืออื่นๆ
ทั้งนี้ มีรายงานว่านายหน้าขายประกันเถื่อนรายนี้ก็ได้ไปขายประกันกลุ่มให้กับโรงเรียนประถมที่ตั้งอยู่ที่ ต.หนองพระ อีกหนึ่งแห่ง มีเด็กและผู้ปกครองจำนวน 93 รายได้รับความเสียหาย ล่าสุด นอภ.วังทรายพูนได้เรียกประชุมผู้บริหารสถานศึกษา 18 แห่งของ อ.วังทรายพูน ให้เร่งตรวจสอบเรื่องประกันกลุ่มแบบนี้แล้ว
ด้านนายเอนก ถนอมจิตร์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดพิจิตร, นายประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า ในส่วนของรูปคดีได้ให้คำแนะนำพนักงานสอบสวนว่าต้องสอบสวนให้รอบด้านว่า นายหน้าขายประกันรายนี้เป็นตัวแทนจริงหรือไม่ แอบอ้างบริษัทประกันภัยไหน-มีใครบ้างที่มีส่วนรู้เห็นดำเนินการ ได้ประโยชน์จากการขายประกันกลุ่มลวงโลกในครั้งนี้
ซึ่งการดำเนินคดีให้ตั้งเป็นข้อหาฉ้อโกง และใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ประกันชีวิตตามมาตรา 18 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการเป็นผู้รับประกันภัยโดยทำสัญญาประกันชีวิตกับบุคคลใดๆ เว้นแต่จะเป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต ห้ามมิให้ผู้ใดใช้กรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทซึ่งตนมิได้มีสิทธิใช้ตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 91 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 18 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปีหรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนด้วย