เชียงใหม่ – “ประเสริฐ” รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เชียงใหม่ ติดตามปัญหาคุณภาพน้ำ พร้อมติตามความก้าวหน้าของมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ในพื้นที่ภาคเหนือ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
วันนี้ (16 มิ.ย.68) ที่ สำนักงานชลประทานที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง และการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดลำพูน โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายไวฑิต โอชวิช ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์น้ำ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ สทนช.และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม โดยในนี้ที่ประชุมได้รายงานสถานการณคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง พร้อมรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำและการวางแผนรับมือสถานการอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน หลัง สทนช.ได้คาดการณ์ว่าช่วง สิงหาคม-กันยายน จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักขึ้น ขณะที่ จังหวัดลำพูน พบพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ช่วงเดือนตุลาคม
ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) กล่าวในการประชุมว่า ด้วยนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อปัญหามลพิษข้ามพรมแดนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชน ในวันนี้ จึงลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและเร่งหาแนวทางแก้ไขการปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และป้องกันปัญหากระจายตัวสู่แม่น้ำโขง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งหลังจากได้รับฟังรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำ พบว่า บางจุดยังมีปริมาณสารหนูเกินเกณฑ์มาตรฐาน จึงได้มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษประสาน ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในพื้นที่เสี่ยง และเผยแพร่ผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและข้อมูลความเสี่ยงต่อสุขภาพแก่สาธารณชนได้รับทราบอย่างสม่ำเสมอ ให้มีระบบการเตือนภัยด้านคุณภาพน้ำที่รวดเร็วและครอบคลุมทั่วถึง พร้อมทั้งให้กรมควบคุมโรค กรมอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเสี่ยง โดยให้คัดกรองโรคจากสารหนูและโลหะหนักอื่น ๆ รวมทั้งติดตามผลอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ให้การประปาส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงมหาดไทย เร่งจัดหาน้ำดื่มสะอาดสำรองให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้วางแผนระยะยาวในการจัดหาแหล่งน้ำดิบที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน พร้อมพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน เพียงพอ และครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงให้กรมทรัพยากรน้ำ เร่งศึกษา สำรวจ ออกแบบจุดชะลอน้ำ ฝายดักตะกอน ตามที่ได้มีการวางแผน พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน และเร่งสำรวจแหล่งน้ำผิวดินแห่งใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน นอกจากนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเมินผลกระทบเบื้องต้นต่อภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว กำหนดมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ให้คำแนะนำในการปรับตัวและฟื้นฟูอาชีพ และให้จังหวัดเร่งรัดดำเนินงานตามโครงการการป้องกันและแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณแล้ว และให้พิจารณาโครงการจำเป็นเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสารพิษและฟื้นฟูแหล่งน้ำที่ปนเปื้อน เสนอต่อรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการดำเนินการต่อไป พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้ สทนช. วางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระยะยาวและยั่งยืน ผ่านกลไกความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และกรอบความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (LMC)
ด้านการติดตามความก้าวหน้าของมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ จากรายงานได้ทราบว่าขณะนี้ มีปริมาณฝนตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ และคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่จะเกิดฝนตกหนัก ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น รวมถึงเร่งรัดดำเนินโครงการที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับสถานการณ์ ในการนี้ได้มอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดลำพูน เตรียมความพร้อมในทุกด้านสำหรับการรับมือในช่วงฤดูฝนนี้ โดยบูรณาการมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ร่วมกับแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม และแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด รวมทั้งให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กรมชลประทาน กรมการทหารช่าง เร่งขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำรวก และแม่น้ำปิง รวมถึงการก่อสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราวในแม่น้ำ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังไม่แล้วเสร็จตามแผน ให้ทั้ง 3 จังหวัด เตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ ให้พร้อมรองรับสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำหลากในพื้นที่ได้ทันที และได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่องด้วย