จันทบุรี –หน่วยงานด้านความมั่นคงไทย–กัมพูชาด้านชายแดนจันทบุรี หารือแนวทางแก้ไขปัญหารถขนสินค้าตกค้างหน้าจุดผ่านแดนบ้านแหลม และจุดผ่านแดนฝั่งกัมพูชา ก่อนได้ข้อสรุปเปิดด่านพร้อมกันเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เพื่อระบายรถสินค้าตกค้างก่อนร่วมกันปิดด้านตามมาตรการความปลอดภัย
จากกรณีที่ กัมพูชา ได้ปิดประตูด่านพรมแดนฝั่งกัมพูชาบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า จนทำให้มีรถสินค้าติดค้างหน้าด่าน และการขนส่งสินค้าข้ามแดนหยุดชะงัก ขณะที่ด่านฝั่งไทยยังคงเปิดให้ข้ามแดนตามมาตรการที่หน่วยงานด้านความมั่นคงกำหนดไว้ โดยประชาชนยังสามารถ เข้าออกได้ แต่ก็พบว่ามีเพียงแรงงานกัมพูชาเท่านั้นที่เดินทางกลับประเทศ
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกจากจะทำให้บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม เกิดการโกลาหลเนื่องจากมีรถบรรทุกสินค้าทางการเกษตรติดค้างกว่า 100 คัน และยังมีประชาชนชาวกัมพูชาจำนวนมากที่ติดค้างบริเวณประตูด่านชายแดนของไทย ด้าน จ.จันทบุรี นั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ ( 13 มิ.ย.) หน่วยงานความมั่นคงจังหวัดจันทบุรี นำโดยตัวแทนจากกองทัพเรือ, เจ้าหน้าที่ตำรวจ, นายอำเภอโป่งน้ำร้อน และฝ่ายปกครอง ได้ประสานงานไปยังทางการกัมพูชาเพื่อหาทางออกจากสถานการณ์ตึงเครียด ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยได้มีการหารือร่วมกัน จนได้ข้อตกลงดังนี้
1.อนุญาตให้รถที่ตกค้างในฝั่งไทยประมาณ 120 คัน และฝั่งกัมพูชาประมาณ 70 คัน เดินทางผ่านด่านได้ทั้งหมด และ 2.ฝั่งกัมพูชาจะยังคงปิดด่านต่อไป โดยยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องการเปิดด่านตามปกติ จึงทำให้รถที่ตกค้างทั้งหมดผ่านพรมแดนได้
โดยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความตั้งใจที่จะร่วมกันดูแลผลประโยชน์ของประชาชนและการค้า พร้อมจะเดินหน้าเจรจาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์บริเวณแนวชายแดนและคืนความปกติให้กับประชาชนทั้งสองฝ่าย ก่อนจะร่วมโบกมือลาอย่างเป็นมิตร พร้อมถ่ายรูปร่วมกัน ก่อนที่ด่านชายแดนทั้งสองฝั่งจะปิดในทันที
ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงไทย โดยเฉพาะ กองทัพเรือ ได้เน้นย้ำถึงความห่วงใยในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและจะเร่งดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและภาคเศรษฐกิจชายแดนเมากว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้ง ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความสงบและเสถียรภาพในพื้นที่
