ศูนย์ข่าวศรีราชา - ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค (ประเทศไทย) จับมือ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) สานต่อโครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ปีที่ 2 ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน จัดกิจกรรม“ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” รุ่น 2 จุดประกายเยาวชนอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในไทยและอินโดไชน่า จัดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” รุ่น 2 (Mizuiku Water Hero Camp: Year 2) ภายใต้โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2568 (One Suntory Mizuiku Program 2025)
โดยได้นำแกนนำเยาวชนอายุ 10-12 ปี และครู จาก 30 โรงเรียนใน จ.ชลบุรีและระยอง รวมกว่า 500 คน ร่วมกิจกรรมเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จากคณะผู้เชี่ยวชาญภาครัฐและเอกชน ผ่านห้องเรียนธรรมชาติ ระหว่างวันที่ 9-11 มิ.ย.ที่ จ.ชลบุรี
นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจฯ กล่าวถึงสถานการณ์ด้านทรัพยากรน้ำในประเทศไทยว่า ความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และมลพิษทางน้ำ จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกคนต้องลุกขึ้นมาปกป้อง ‘น้ำ’ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อทุกชีวิตบนโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในอนาคต ด้วยแนวคิดนี้ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและมอบองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้แก่เยาวชน
“ ในปี 2567 โครงการฯ ของเราได้ส่งมอบองค์ความรู้ให้แก่เยาวชน 8,115 คน และคุณครู 270 คน จาก 30 โรงเรียนใน จ.ชลบุรีและระยอง และยังสนับสนุนให้เยาวชนนำความรู้ไปบูรณาการโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในมิติต่าง ๆ ของโรงเรียนเพื่อขับเคลื่อน การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป ” นายโอเมอร์ กล่าว
เช่นเดียวกับ นายทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ที่บอกว่า กลุ่มบริษัท ซันโทรี่ มุ่งมั่นนำค่านิยมองค์กร 'การเติบโตอย่างยั่งยืน” (Growing for Good) และ 'การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม” (Giving Back to Society) มาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินโครงการ "วัน ซันโทรี มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ
“ จากความสำเร็จในปีก่อนทำให้เราเดินหน้าสานต่อโครงการฯ ในปีที่ 2 ด้วยการชักชวนเหล่าแกนนำเยาวชนคนรุ่นใหม่ รวมถึงคุณครู รวมกว่า 500 คน จาก จ.ชลบุรีและระยอง ร่วมเรียนรู้ผ่านการลงมือทำภายใต้ห้องเรียนธรรมชาติใน “ค่าย มิซูอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ รุ่น 2 เพื่อที่จะได้นำความรู้ที่ได้รับกลับไปจัดทำแผนงานและดำเนินโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน พร้อมจัดตั้ง “มิซุอิกุ คลับ” เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการต่อไป”
นอกจากนั้น แกนนำนักเรียนจากโรงเรียนที่ชนะการประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิก” ในแต่ละจังหวัด ยังจะได้เดินทางไปทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้ต้นกำเนิดของโครงการ “มิซุอิกุ ณ ประเทศญี่ปุ่นด้วย
โดย“ค่าย มิซูอิก ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ" (Mizuiku Water Hero Camp) ในปีนี้ มีเป้าหมายเพื่อตอกย้ำให้เยาวชน ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ ผ่านแนวคิด “ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา” โดยร่วมมือกับศูนย์สิ่งแวดล้อม ศึกษา (Environmental Education Centre หรือ EEC) และภาคีหน่วยงานภาครัฐ มุ่งเน้นให้เยาวชน เข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ วัฏจักรน้ำ
และปัญหาน้ำในแต่ละพื้นที่ ผ่านการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติที่ผสมผสานความรู้และความสนุกสนาน (Edutainment) เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ห้องเรียนธรรมชาติ ของจังหวัดชลบุรี โดยครอบคลุมแหล่งน้ำตั้งแต่ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ และทะเล ได้แก่การเรียนรู้บทบาทและความสำคัญของป่าต้นน้ำในฐานะพื้นที่กักเก็บน้ำ รวมถึงศึกษาหลักการตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้น ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่
การสำรวจระบบนิเวศพื้นที่กลางน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่มีความสำคัญต่อความหลากหลาย ทางธรรมชาติ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและ สัตว์ป่าเขาเขียว
การศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลนซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งปนเปื้อนที่มากับน้ำด้วยพรรณพืชและสัตว์ต่าง ๆ โดยเยาวชนจะได้เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและป่าชายเลน พร้อมทั้งเข้าใจความเชื่อมโยงของคุณภาพน้ำ ตั้งแต่แหล่งต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
การตระหนักถึงความสำคัญของทะเลซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของสายน้ำซึ่งเยาวชนจะได้เรียนรู้ว่าทุกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกล้วนส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเล ทั้งในแง่ของความอุดมสมบูรณ์และความเปราะบางของสิ่งมีชีวิตในทะเล
“ในปี 2567 ที่ผ่านมา โครงการฯ ของเราได้ส่งมอบองค์ความรู้ให้แก่เยาวชน 8,115 คน และคุณครู 270 คน จาก 30 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรีและระยอง อีกทั้งสนับสนุนให้เยาวชนนำความรู้ไปบูรณาการโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในมิติต่าง ๆ ของโรงเรียนเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายทานุจ ชาดา
กิจกรรมดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่ปรึกษาโครงการและร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินผลงานการประกวดโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียนของนักเรียน อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและการศึกษาชั้นนำมาร่วมถ่ายทอดความรู้
อาทิ นายอเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ,ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิตางศุ์ พิลัยหล้า ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้สร้างแรงบันดาลใจและให้คำแนะนำการจัดทำโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียนอีกด้วย