นครปฐม - ญาติผู้เสียชีวิตสุดช้ำ! วอนสื่อล่าตัวมิจฉาชีพ อาศัยงานพระราชทานเพลิงศพ เชิดเงินทำบุญวัดดังนครปฐม สูญ 1 แสนบาท กล้องวงจรปิดจับภาพชัด เร่งตามล่าพร้อมตั้งรางวัลนำจับ 5 พันบาท
ญาติผู้เสียชีวิตร้องสื่อ ช่วยติดตามตัวชายกลางคน ก่อเหตุสุดอุกอาจ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรรมการวัดไร่ขิง พระอารามหลวง แฝงตัวเข้าในพิธีพระราชทานเพลิงศพของคนในครอบครัว เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนฉวยโอกาสชุลมุน เชิดเงินทำบุญที่เตรียมไว้ถวายวัด จำนวน 100,000 บาท หลบหนีไปอย่างลอยนวล โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมไว้ได้อย่างชัดเจน
นางวิไล (นามสมมติ) ญาติผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ชายคนดังกล่าวเข้ามาในงานและอ้างว่ารู้จักกับผู้ตาย เคยได้รับผลไม้จากผู้ตาย จึงอยากมาขอบคุณ และยังอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรรมการวัดไร่ขิง เมื่อสอบถามถึงสังกัดก็ไม่ให้ข้อมูลชัดเจน ต่อมาในช่วงที่มีการเคลื่อนย้ายของชำร่วย ผู้ก่อเหตุได้ออกอุบายกับ น.ส.ณัฐสุดา ลีลาขจรจิต หลานสาวผู้เสียชีวิต ว่าจะนำเงินทำบุญไปถวายวัดที่กุฏิ ทำให้หลงเชื่อและมอบเงินสดจำนวน 1 แสนบาท พร้อมซองเงินช่วยงานอีกจำนวนหนึ่งให้ไป โดยไม่ได้สอบถามเจ้าภาพให้ถี่ถ้วน
ภายหลังญาติได้สอบถามถึงเงินทำบุญดังกล่าว แต่ไม่พบว่าเงินได้ถูกนำไปถวายวัดจริง จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าชายคนดังกล่าวได้รีบเดินออกจากศาลา พร้อมถือซองเงิน และโบกเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างที่หน้าวัดหลบหนีไป โดยวิน รถจักรยานยนต์ให้การว่า ผู้ก่อเหตุให้ไปส่งบริเวณพุทธมณฑลสาย 4
หลังเกิดเหตุ ญาติผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธิ์แก้ว พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ โดยเกรงว่าผู้ก่อเหตุจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้อีก จึงวอนสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส หากใครพบเห็นชายดังกล่าวตามภาพ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สภ.โพธิ์แก้ว โดยทางญาติผู้เสียหายมีรางวัลนำจับ 5,000 บาท สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้
ด้านนายเล็ก (นามสมมติ) วินรถจักรยานยนต์ผู้รับผู้ก่อเหตุในวันนั้น ยืนยันว่าไม่ทราบว่าเป็นคนร้าย โดยผู้ก่อเหตุได้รีบร้อนมาว่าจ้างให้ไปส่งที่พุทธมณฑลสาย 4 อ้างว่าญาติขับรถออกไปแล้วลืมของไว้ ซึ่งตนเองก็ไปส่งตามปกติ และยืนยันว่าไม่รู้จักกับชายคนดังกล่าวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามไปยังวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ทราบว่า ชายที่ปรากฏในภาพไม่ใช่คณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของวัดแต่อย่างใด ซึ่งทางวัดเองก็รู้สึกเสียหายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นมิจฉาชีพที่อาศัยความวุ่นวายในงานศพ และความน่าเชื่อถือจากการแอบอ้างเป็นตำรวจและกรรมการวัด ก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง
ขณะนี้ ทางญาติผู้เสียหายยังคงรอความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหวังว่าการออในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้โดยเร็ว และเป็นการเตือนภัยสังคมให้ระมัดระวังบุคคลที่เข้ามาในงานพิธีต่างๆ ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย