อุบลราชธานี - พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ย้ำจุดยืนในการปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ จะไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำอธิปไตยของชาติไทยอย่างเด็ดขาด พร้อมบังคับใช้กฎหมายและสนับสนุนการปฏิบัติทางยุทธการพิทักษ์พื้นที่ชายแดนและพื้นที่ส่วนหลังอย่างเต็มกำลังความสามารถ
วันนี้ (6 มิ.ย.) เวลา 09.39 น. ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 จังหวัดอุบลราชธานี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมคณะผู้บัญชาการระดับสูง นำโดย พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3, พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุญยสิริ รอง.ผบช.ตชด. พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี
พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.ภ.จว. บุรีรัมย์ พล.ต.ต. สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พล.ต.ต.พิษณุ วัตถุ ผบก.ภ.จว. ศรีสะเกษ และ พ.ต.อ.กวีพงษ์ ชลการ ผกก.ตชด.22 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและประชุมร่วมกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อวางมาตรการความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ท่ามกลางสถานการณ์ละเอียดอ่อนที่อยู่ระหว่างการหารือระดับประเทศ โดยมีการประชุมร่วมกับหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ และผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัด ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ด้าน พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 กล่าวรายงานว่า มีการสั่งการกำลังพลยกระดับมาตรการตามแนวชายแดนเต็มกำลัง โดยเพิ่มกำลังลาดตระเวน โดยเฉพาะตามเส้นทางธรรมชาติ ช่องทางด่านถาวร และพื้นที่สุ่มเสี่ยง พร้อมเน้นการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง การขนส่งอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมาย และการสกัดข่าวปลอมที่อาจบ่อนทำลายความมั่นคง
โดยตำรวจในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจภูธร ตชด. หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ได้รับคำสั่งจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว และประจำจุดยุทธศาสตร์เพื่อพร้อมตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมแผนฉุกเฉิน เส้นทางการแพทย์ พร้อมสถานีตำรวจให้เป็นฐานกลางไว้ช่วยเหลือประชาชน และร่วมกับหน่วยกู้ชีพ และอาสาสมัคร สามารถเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บจากแนวชายแดนเข้าสู่สถานพยาบาลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมทั้งตั้งจุดปฐมพยาบาลเคลื่อนที่ในพื้นที่เสี่ยง
ทั้งนี้ สถานีตำรวจในพื้นที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานกลาง ทั้งด้านการแจ้งเตือนและประสานการช่วยเหลือ พร้อมอบรมเจ้าหน้าที่ด้านปฐมพยาบาลเบื้องต้น และดูแลจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ และยังบูรณาการตำรวจให้ทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร และผู้นำชุมชน ผ่านแนวทางการสื่อสารเชิงรุก เพื่อรับฟังและตอบสนองต่อปัญหาของประชาชนในหมู่บ้านแนวชายแดน
โดยเน้นย้ำการดูแลความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะด้านความมั่นคง สุขภาพ หรือจิตใจ ไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องรู้สึกโดดเดี่ยวในสถานการณ์ช่วงนี้