นครสวรรค์ -"ทนายดังพาเหยื่อตามจี้คดี..5 การ์ดผับกลางเมืองนครสวรรค์ รุมตื้บ 2 นศ.จนน่วมคาที่ตอนตี 3 ครึ่ง หนึ่งในนั้นอาการสาหัสต้องผ่าตัดใบหน้า แถมพบส่อเปิดเกินเวลา-ไม่มีใบอนุญาต ทั้งฝ่าฝืนคำสั่งห้ามใช้อาคารตั้งแต่ปี 66 เรื่อยมาจนถึงปี 68
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และนายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธาน พร้อมผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบกับ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.นครสวรรค์ เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการ พร้อมกับยื่นหลักฐานทั้งคลิปและรูปภาพ เพิ่มเติม
กรณีนายยูโร อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ และนายร็อค เพื่อนสนิทวัยเดียวกัน เรียน ปวส.ปี 2 วิทยาลัยโปลิเทคนิคเชียงใหม่ ซึ่งถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ราว 5 คนรุมทำร้ายหน้าอาคารสถานบันเทิงชื่อดังในเขตเทศบาลเมืองนครสวรรค์โดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะนายร็อคต้องเข้ารับการผ่าตัดใบหน้าและพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งต่อมาตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 4 ราย และอยู่ระหว่างติดตามผู้ต้องหาอีก 1 รายที่ยังหลบหนี อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายระบุว่า ตำรวจแจ้งเพียงข้อหา "ร่วมกันทำร้ายร่างกาย" โดยไม่มีการควบคุมตัวหรือแจ้งข้อกล่าวหาที่สะท้อนถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ อีกทั้งยังมีการโพสต์ข้อความลักษณะข่มขู่จากกลุ่มผู้ก่อเหตุ ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและหวั่นจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงตัดสินใจนำหลักฐานภาพวงจรปิดและเอกสารประกอบเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม
ทนายรณณรงค์เปิดเผยว่า ไม่ใช่แค่มาเกี่ยวกับเรื่องคดีทำร้ายเท่านั้น แต่ยังมีการนำเรื่องสถานบันเทิงที่เกิดเหตุมาให้ดำเนินการตรวจสอบด้วย เพราะพบว่า สถานบันเทิงแห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการตาม พ.ร.บ.สถานบริการ และยังฝ่าฝืนคำสั่งห้ามใช้อาคารจากเทศบาลนครนครสวรรค์ตั้งแต่ปี 2566 แต่ยังคงเปิดให้บริการเรื่อยมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดเหตุคือราว 03.30 น. ซึ่งเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ถือว่าเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ตนมีอยู่ 4 เรื่องหลักที่จะยื่นให้ผู้บังคับการจังหวัดตรวจสอบ เรื่องแรกคือ การตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับขอให้มีการตั้งคณะกรรมการกลางอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงให้ดำเนินคดีต่อสถานบันเทิงและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมาย และผลักดันการปฏิรูประบบกำกับดูแลสถานบันเทิงไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
ด้าน พล.ต.ต.นเรวิชกล่าวถึงคดีทำร้ายร่างกายก่อนว่า คดีนี้ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีแล้ว 4 ราย ซึ่งยังเหลืออีก 1 รายที่ยังหลบหนี ส่วนเรื่องการแจ้งข้อหาที่ทางผู้เสียหายมองว่าเบาเกินไปนั้น เพราะยังอยู่ในระหว่างรอผลตรวจแพทย์ยืนยัน หากผลตรวจออกมายืนยันว่าสาหัส จะแจ้งข้อหาหนักเพิ่มเติมในภายหลัง คนที่หลบหนีไปก็จะออกหมายจับต่อไปเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันว่าตำรวจยังคงมีการติดตามจับตัวผู้ที่หลบหนีอยู่
ส่วนเรื่องสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ตนจะนำเรื่องนี้เข้าพบกับผู้ว่าฯ และฝ่ายปกครองในการหารือวางมาตรการและจัดระเบียบสถานบริการและสถานบันเทิงทุกร้านในพื้นที่นครสวรรค์ เพราะเห็นแล้วว่า การเปิดบริการในลักษณะแบบนี้ก่อให้เกิดปัญหาและความไม่สงบเรียบร้อย รวมถึงจะตรวจสอบโรงพักในพื้นที่รับผิดชอบด้วยว่าไม่เข้มงวดและปล่อยปละละเลยหรือไม่ อีกทั้งเรื่องสถานบันเทิงที่ทางทนายนำมาร้องเรียนว่ามีการงดใช้อาคาร ตาม พ.ร.บ.ก็จะประสานกับทางเทศบาลในการตรวจสอบข้อมูล หากมีคำสั่งยืนยัน ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาทนายรณณรงค์และทีมงานได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบยังสถานบันเทิงเจ้าปัญหา โดยมีรอง ผกก.ฝ่ายปราบปราม สภ.เมืองนครสวรรค์ นำพาตรวจสอบบริเวณประตูปากทางเข้าสถานบันเทิง พบว่าถูกปิดเงียบ พร้อมกับใบทวงค่าไฟฟ้าจำนวนหลักพันที่ถูกวางทิ้งไว้
เบื้องต้นทนายรณณรงค์เชื่อว่าเพิ่งจะมีการปิดให้บริการไปเมื่อไม่นาน แต่เท่าที่ได้พูดคุยกับผู้บังคับการตำรวจรับปากว่าจะโอนคดีของ สภ.เมืองนครสวรรค์เข้ามายังจังหวัด จึงเชื่อว่าน่าจะมีความเป็นกลางแน่นอน พร้อมกับฝากถามไปถึงเทศบาลด้วยว่า ทราบหรือไม่ว่ายังมีการใช้อาคารแห่งนี้มาลอบเปิดสถานบันเทิงอยู่ ทั้งที่ได้มีการนำหนังสือมาปิดประกาศห้ามใช้อาคารมาตั้งแต่ปี 2566
