ศูนย์ข่าวศรีราชา – นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก ชี้ปัญหาตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มกระทบนักท่องเที่ยวข้ามแดน โดยเฉพาะกลุ่มต่างชาติที่ต้องเดินทางไปต่อวีซ่าที่กัมพูชา เตรียมหาแนวทางรับมือหากสถานการณ์บานปลาย
จากกรณีที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี จนทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 นายและบาดเจ็บหลายนาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 ที่ผ่านมาจนมีการการปลุกกระแสรักชาติในโซเชียลมีเดียภายในประเทศกัมพูชาและประเทศไทย
ขณะที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มมีแนวโน้มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลังฝ่ายกัมพูชา เริ่มจัดให้มีการซ้อมยิง BM-21 โดยใช้กระสุนจริงบริเวณฝั่ง จ.เกาะกง โดยผู้ว่าราชการเกาะกง ได้โพสต์เฟสบุ๊คสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชากรณีช่องบก
ส่วนฝ่ายความมั่นคงของไทยทั้งกองทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ ได้โชว์ศักยภาพอาวุธยุธโปกรณ์และความความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยของชาติ เช่นเดียวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ประกาศพร้อมปกป้องประเทศเช่นกันนั้น
วันนี้ ( 5 มิ.ย.) น.ส.มรกต กุลดิลก นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก ได้ออกมาเปิดเผยถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเริ่มมีผลกระทบเล็กน้อยต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางข้ามแดนของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีความยากลำบากมากขึ้น
และในช่วงเดือน ก.ค.นี้ สมาคมฯ ยังมีแผนจัดงาน “Chonburi Tower Mark” โดยเชิญเอเจนซี่ทัวร์จากต่างประเทศเข้าร่วม แต่สถานการณ์ชายแดนที่เริ่มตึงเครียดได้ส่งผลให้เอเจนซี่ที่ต้องข้ามพรมแดนเข้ามาร่วมงานอาจเผชิญอุปสรรคและปัญหาในการเดินทาง ซึ่งแม้ในขณะนี้ในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา จะยังไม่มีผลผลกระทบต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยามากนัก แต่ก็มีผลต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่ต้องเดินทางไปต่อวีซ่าที่ประเทศกัมพูชา
" หากเกิดความขัดแย้งหรือสงครามขึ้นในอนาคต ก็อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้าชายแดน และกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความกังวลใจต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคตะวันออก อย่างไรก็ตามทางสมาคมฯ จะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขณะนี้ได้เตรียมแนวทางรับมือหากสถานการณ์ลุกลามแล้วเช่นกัน"น.ส.มรกต กล่าว
