เชียงใหม่ - รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมผู้กำกับการ สภ.ภูพิงค์ร่วมแถลงกรณีนักศึกษานับสิบรายตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์พร้อมๆ กัน โดนหลอกโอนเงินไปสูญเสียรวมกันกว่า 3 ล้านบาท ระบุกลายเป็นภัยร้ายหนักหน่วงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เตรียมเดินหน้ารณรงค์สร้างภูมิคุ้มกันให้นักศึกษาใหม่ และพร้อมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้เสียหาย ด้านตำรวจยันทำงานเต็มที่ช่วยเหลือผู้เสียหาย
วันนี้ (5 มิ.ย. 68) ที่ห้องประชุมพระยาศรีวิสารวาจา ชั้น 1 สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และพันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูพิงคราชนิเวศน์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพบนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นับสิบรายที่ตกเป็นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพออนไลน์ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลวงรูปแบบต่างๆ เช่น หลอกว่ากระทำผิดกฎหมายแล้วให้หลอกผู้ปกครองว่าได้เข้าร่วมโครงการไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ เพื่อให้โอนเงินไปให้มิจฉาชีพ ซึ่งเบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายรวมกันกว่า 3 ล้านบาท โดยรายที่หนักสุดสูญเสียไปกว่า 2 ล้านบาท
ทั้งนี้ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์เรื่องนักศึกษาถูกหลอกกันจำนวนมาก ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปตามหอพักและให้เด็กทุกคนทำแบบประเมินออนไลน์ว่าใครเคยถูกหลอกมาบ้างเพื่อจะให้อยู่ในจิตสำนึกและให้ระวังและตระหนัก พร้อมทำการปฐมนิเทศเพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาใหม่และผู้ปกครองและทำอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยทุกคณะและทุกวิชาก่อนเข้าเรียนด้วย อย่างไรก็ตามกรณีนักศึกษาที่ถูกหลอกจนผู้ปกครองแทบสิ้นเนื้อประดาตัวนั้นหลังจากนี้ทางมหาวิทยาลัยก็จะเข้าไปช่วยดูแลด้านข้อกฎหมายและส่งทีมจิตแพทย์ไปเยียวยาสภาพจิตใจต่อไป พร้อมยืนยันว่าข้อมูลส่วนตัวของนักศึกษาที่ตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพนั้นไม่ได้หลุดไปจากมหาวิทยาลัยแน่นอน
ด้านผู้กำกับการสถานีตำรวจภูพิงคราชนิเวศน์กล่าวว่า สำหรับเรื่องเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์นั้นเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว รูปแบบการดำเนินคดีของตำรวจนั้นมีรูปแบบการดำเนินการอยู่แล้วตั้งแต่การรับแจ้งความ การอายัดบัญชี ตลอดจนการขอรายการเดินบัญชีธนาคาร โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นเวลารับโอนแล้วไม่ได้มีการโอนออกไปบัญชีเดียว โดยจะโอนไปบัญชีแถวที่ 1-แถวที่ 4 โดยคดีที่ตำรวจทำต้องรอข้อมูลจากทางธนาคารอย่างเดียวเลยที่จะสืบต่อได้ว่าเส้นทางการเงินไปทางไหน ส่วนเคสที่เป็นประเด็นนั้นมีนักศึกษาหญิงถือมีดมาด้วยและพูดจาไม่รู้เรื่อง ตอบ แมนฯ ยู ชนะลิเวอร์พูล ตำรวจจึงขอดูบัตรประชาชนจนทราบชื่อพ่อแม่ จึงติดต่อไปยังพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่ก็บอกว่าลูกสาวมีอาการปกติ ไม่มีอาการทางประสาท ซึ่งต่อมาเมื่อตำรวจถามอีกหญิงสาวรายดังกล่าวก็บอกว่าไปฆ่าคนตายมา โดยใช้มีดที่นำมาให้แล้วตอนนี้จะมามอบตัว พอดีตำรวจที่อยู่หน้างานเห็นก็กล่อมขอมีด นักศึกษา จึงยอมวางมีดและขอพบผู้กำกับฯ
จากการสังเกตอาการน้องพบว่าคุยโทรศัพท์ตลอด ตำรวจจึงขอถอดสมอลทอล์กออก ทำให้นักศึกษาสาวได้สติและรู้ว่าถูกหลอกและคุยอยู่กับมิจฉาชีพ ซึ่งขณะนั้นผู้กำกับฯ ได้เดินทางมาถึง สภ.พอดีจึงได้นำตัว นศ คนดังกล่าวไปพูดคุยสอบปากคำจนทราบว่าตัวนักศึกษาสาวคนดังกล่าวถูกควบคุมมาตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 68 โดยมีการควบคุมในลักษณะแบบเคสอื่น โดยเคสนี้บอกว่านักศึกษาสาวได้ไปเปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือของค่ายหนึ่งโดยได้ไปกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินต้องส่งเงินไปให้มิจฉาชีพตรวจสอบ น้องเขาไม่มีเงินจึงให้ไปโกหกพ่อแม่ว่าได้ทุนการศึกษา แต่ทางพ่อแม่ไม่มีเงินมาให้ ซึ่งคนนี้เชื่อทุกอย่างกระทั่งหลอกให้มา สภ.ตามคลิปที่ปรากฏ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักศึกษาสาวสภาพจิตใจย่ำแย่มาก
สำหรับข้อมูลของ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์พบว่าจากสถิติปี 2568 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความคดีออนไลน์ ได้แก่ สั่งซื้อของออนไลน์แล้วไม่ได้รับของ 180 ราย ยอดรวมความเสียหาย 1,106,529 บาท, หลอกหารายได้พิเศษ แจ้งความ 37 ราย รวมเป็นเงิน 3,864,248 บาท และถูกคอลเซ็นเตอร์หลอก 57 ราย ยอดรวมความเสียหาย 9,650,333 บาท