เชียงราย - มีแต่คนรุมจวกรัฐบาลไทยดีแต่เงียบ..เครือข่ายภาคประชาชน องค์กรเอกชน นักวิชาการ ศิลปิน ทั้งเชียงใหม่-เชียงราย และทั่วประเทศ รวมพลร่วมงาน “ปอยหลวงปิดเหมืองว้า" ยื่นนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-จีน-เมียนมา-ว้า "อังคณา" จี้ไทยเอาคืนหลังส่งอุยกูร์ให้แล้ว
วันนี้ (5 มิ.ย.) นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา นางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือครูแดง อดีต ส.ว. ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.เชียงราย ฯลฯ พร้อมเครือข่ายภาคประชาชน องค์กรเอกชน นักวิชาการ ศิลปิน ทั้งใน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และทั่วประเทศ ได้เข้าร่วมกิจกรรม "ปอยหลวงปิดเหมือง" รวมพลกันบริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง อ.เมืองเชียงราย
บรรดาศิลปินได้ขับกล่อมเพลงและดนตรีที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ที่กำลังได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำ แมงกานีส แรร์เอิร์ท ฯลฯ ในเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ทิ้งสารหนู-โลหะหนักปนเปื้อน ซึ่งเริ่มถูกพบตั้งแต่เดือน มี.ค. 2568 หรือย่างเข้าสู่เดือนที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ บรรดาศิลปินสมาคมขัวศิลปะจัดแสดงประติมากรรมไม้ไผ่ มีคาราวานรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson การติดริบบิ้นและป้ายบริเวณสะพานเพื่อเรียกร้องให้ยุติเหมืองแร่ต่างๆ ดังกล่าว จากนั้นมีการจัดพิธีทางศาสนา โดยอาจารย์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง หรือไร่แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาสจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และพระสงฆ์สวดพรัอภิธรรม มีการจัดพิธีกรรมบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น อาข่า ลาหู่ ลีซู ฯลฯ พิธีกรรมโดยคณะอาจารย์ทางศาสนาคริสต์
ก่อนที่ทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนไปยังกลางสะพานแม่ฟ้าหลวง ยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง 4 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาเมียนมา และภาษาจีน แก่นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เพื่อส่งไปถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลทหารเมียนมา และกองทัพว้าที่ดูแลเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า)
ระบุว่า ปัจจุบันแม่น้ำทั้ง 4 สายประสบปัญหาปนเปื้อนโลหะหนักที่ไหลมาจากรัฐฉาน และเมื่อดูภาพถ่ายดาวเทียมพบมีการทำเหมืองแร่อย่างน้อย 40 จุด บางแห่งห่างจากชายแดนไทยเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้ 3 เดือนที่ผ่านมาต้องเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม สุขภาพ ฯลฯ โดยไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ หากปล่อยไว้จะกระทบต่อประชาชนนับล้านคน จึงขอเรียกร้องให้มีการยุติเหมืองแร่เหล่านั้นทันที และต้องมีมาตรการที่ชัดเจนด้านการฟื้นฟูทั้งระบบนิเวศในแม่น้ำ เศรษฐกิจและสังคมอย่างเร่งด่วน
นางอังคณากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการละเมิดสิทธินอกพรมแดนและไม่ใช่เรื่องใหม่ อยู่ในแผนปฏิบัติการชาติอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือเมื่อมีแผนปฏิบัติการชาติแล้วยังไม่เห็นว่ารัฐบาลเริ่มต้นทำอะไรเลย ปัญหาคือน้ำในแม่น้ำใช้ไม่ได้แล้วชาวบ้านจะอยู่อย่างไร เมื่อตัวแทนรัฐบาลลงมารับฟังก็รับฟังจากหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ก็มีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ขณะที่ต้นเหตุยังคงมีอยู่ ต้นตอคือว้าซึ่งต้องมีช่องทางในการติดต่อ และที่สำคัญคือกลุ่มทุนที่เข้าไปดำเนินการเป็นใครมาจากไหน หากเป็นทุนจีนจะรับผิดชอบอย่างไร เมื่อแพร่กระจายสู่แม่น้ำโขงจะกลายเป็นปัญหาในภูมิภาคนี้เลยทีเดียว รัฐบาลไทยและจีนก็มีความสัมพันธ์ที่ดี เมื่อเร็วๆ นี้ก็ส่งชาวอุยกูร์ไปให้ทางการจีนจนรัฐบาลจีนชอบใจ เมื่อจีนขอมาไทยก็ให้ไป ดังนั้นทางไทยควรจะขอบ้างเพื่อชาติของตัวเอง
"ที่จริงเรามีอาเซียน จึงอยากรู้ว่าอาเซียนคุยอะไรกัน คุยเรื่องค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าเท่านั้นหรือไม่ แต่พอมีการละเมิดข้ามพรมแดนเยอะแยะไปหมดแล้วแบบนี้เราจะอยู่อย่างไร จึงอยากให้อาเซียนให้ความสำคัญต่อประชากรและพลเมืองอาเซียนด้วย นอกเหนือไปจากเรื่องจีดีพี-การค้าการลงทุน เพราะถ้าประชาชนเดือดร้อนเขาไม่มีทางทำมาหาค้ากันได้ เชียงรายก็ดูซบเซานักท่องเที่ยวก็น้อยลง วันก่อนนั่งเรือมาไม่มีคนนั่งเรือเลย ปางช้างก็ไม่มีคนไปเที่ยว" นางอังคณากล่าว
อาจารย์ ดร.สืบสกุล กิจนุกร สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่าตอนนี้เข้าสู่ฤดูฝน ปัญหามีไปถึงว่าน้ำที่จะใช้มีความปลอดภัยต่อการเกษตรด้วยหรือไม่ซึ่งยังไม่เห็นแผนเฝ้าระวังและตรวจสอบข้อมูล ดังนั้นวันที่ 5 มิ.ย.เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก จึงมารวมตัวกันเพื่อขอให้ปิดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำดังกล่าวอย่างถาวร เพราะการตรวจคุณภาพน้ำที่ผ่านมาพบสารหนูุทุกครั้งและเกือบทุกจุดโดยเฉพาะแม่น้ำสายที่พบสารตะกั่วด้วยและพบมาก่อนแม่น้ำกกเสียอีก ขณะที่รัฐบาลกลับบอกว่ายังปลอดภัยดีอยู่แต่ประชาชนไม่รู้สึกปลอดภัยเลย
อาจารย์นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทางผู้ใหญ่ที่มารับหนังสือครั้งนี้ แต่ก็อยากให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วขึ้นเพราะที่ผ่านมาช้าเกินไปจนเกิดผลกระทบ ดังนั้นหลังยื่นหนังสือเครือข่ายภาคประชาชนก็จะเคลื่อนไหวต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข