เชียงใหม่ – ชาวบ้านอำเภอกัลยาณิวัฒนาร้องเรียนโครงการรัฐก่อสร้างถนนไม่ตรงปก รื้อแนวกั้นน้ำฝนจุดเดิมออกแต่ไม่สร้างใหม่ทดแทน ทำให้น้ำฝนหลากจากถนนลงตลิ่งจนทั้งดินและหินทรุดลงไปในอาคารเรียนชั้นอนุบาล และชั้นประถมฯโรงเรียนบ้านห้วยยาบ้าน ทำให้เกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ใต้ผิวถนน นอกจากนี้ยังพบผิวถนนที่เป็นคอนกรีตเริ่มหลุดร่อนเป็นระยะทางกว่า 300 เมตร ส่วนการก่อสร้างถนนอีกช่วงพบมีการขุดปรับพื้นที่ที่มีป่าไม้สมบูรณ์ ทำให้แคบและเป็นเหวลึกลงไปเพื่อเอากล่องเกเบี้ยนลงไปวางตั้งทำเหมือนการแก้ไขดินสไลด์
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ชาวบ้านที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างถนนในพื้นที่ 2 จุด ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าการก่อสร้างอาจจะมีความบกพร่อง โดยจุดแรกชาวบ้านนำลงพื้นที่โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กระหว่างบ้านแม่ละอุป ต.แจ่มหลวง ไปบ้านขุนแม่รวม ต.แจ่มหลวง ช่วงแรก ระยะทาง 950 เมตร ใช้งบประมาณก่อสร้าง 12 ล้านบาท ซึ่งก่อสร้างจุดเริ่มต้นโครงการเป็นทางขึ้นภูเขาลาดชันขอบถนนอยู่ด้านหลังเหนืออาคารเรียนชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษาโรงเรียนบ้านห้วยยา บ้านแม่ละอุป ต.แจ่มหลวง อ.กัลยาณิวัฒนา สูงประมาณประมาณ 60 เมตร มีระยะทางติดกับพื้นที่โรงเรียนประมาณ 90 เมตร
โดยชาวบ้านชี้ให้ดูถึงร่องรอยน้ำที่ไหลลงหลังอาคารเรียนและโพรงดินใต้ผิวถนนขนาดใหญ่ที่ถูกน้ำเซาะพัดก้อนหินตกลงหลังอาคารเรียน ส่วนอีกจุดชาวบ้านพาไปดูผิวถนนเส้นดังกล่าวที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จและส่งมอบเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาแต่ปรากฏว่าผิวถนนหลุดร่อนจนเห็นก้อนหินเป็นแนวยาวไม่ต่ำว่า 300 เมตร ซึ่งชาวบ้านสงสัยว่าถนนเพิ่งสร้างเสร็จไม่นานผิวถนนก็เริ่มจะพังแล้ว นอกจากนี้ยังเกรงว่าผิวถนนที่พังจนเห็นก้อนหินจะเกิดอันตรายกับชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมาเนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นเส้นทางลาดชั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงกลางคืน
ด้านนายเดชา นทีไทย ชาวบ้านแม่ละอุป เปิดเผยว่า บริเวณจุดเริ่มต้นของโครงการก่อสร้างเป็นร่องเขาส่วนถนนยังเป็นดินลุกรังอยู่และเป็นพื้นที่รับน้ำฝนที่ไหลหลากลงมาตากภูเขา ปี 2549 ฝนตกหนักทำให้เกิดดินสไลด์ทำให้ก้อนหินและดินไหลลงพื้นที่ของโรงเรียน ต่อมาเมื่อปี 2554 ได้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นทำให้ก้อนหินขนาดใหญ่และดินตกใส่อาคารเรียนนักเรียนชั้น ป.2 และป.3 จนได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตอนกลางวันพอดีทำให้ครูได้อพยพเด็กนักเรียนออกจากอาคารเรียนได้ทัน
ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อปี 54 แล้ว ทางชุมชนได้รับงบประมาณจากภาคเอกชนมาทำแนวคันปูนซีเมนต์เพื่อป้องกันน้ำที่ไหลมาจากด้านบนไม่ให้ไหลลงหลังโรงเรียน แล้วปริมาณน้ำทั้งหมดจะถูกระบายไปบริเวณกลางหมู่บ้านและท้ายหมู่บ้าน หลังจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำถนนใหม่ ไม่ได้มีการทำคันกั้นน้ำก็เกิดเหตุการณ์ดินถล่มซ้ำเมื่อช่วงฤดูฝนปี 65,66,67 สามปีซ้อนที่เกิดเหตุการณ์ดินถล่มขึ้น ซึ่งการทำถนนเส้นนี้ใหม่กลับไม่มีการทำคันกั้นน้ำ ซึ่งหากเกิดฝนตก 50 มม.นานติดต่อกัน 2 ชั่วโมง เกรงว่าฤดูฝนปีนี้จะเกิดเหตุการณ์ดินสไลด์ซ้ำรอยและอาจจะเกิดอันตรายกับนักเรียนและครู ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าการก่อสร้างถนนช่วงดังกล่าวตลอดระยะทางมีการทำคันกั้นน้ำทั้งที่บางจุดไม่มีความจำเป็น
ขณะที่นายจีระพงษ์ ตาจา ครูโรงเรียนบ้านห้วยยา กล่าวว่าบริเวณที่น้ำไหลลงหลังโรงเรียนมีอาคารเรียนของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล ชั้นป.1,ป.2และชั้น ป.3 มีนักเรียนเรียนอาคารนี้ 60 คนช่วงฤดูฝนถ้าเกิดฝนตกหนักๆทำให้เด็กนักเรียนและคุณครูต่างหวาดผวากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ดินสไลด์ทำให้ได้รับอันตราเนื่องขากจุดนี้เป็นจุดเฝ้าระวังดินถล่มและเป็นทางน้ำไหลลงสู่โรงเรียนหากเกิดฝนตกลงมามากๆจะทำให้ดินอิ่มน้ำและถล่มลงมา เบื้องต้นทางโรงเรียนและชุมชนได้วางมาตรการเฝ้าระวังสังเกตุปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาแต่ล่ะวันที่ตกลงมามากน้อยแค่ไหน หากเหตุกาณ์ไม่น่าไว้วางใจก็จะมีการอพยพนักเรียนทั้งหมดไปเรียนที่หอประชุมซึ่งอยู่ห่างออกไป ซึ่งปีที่ผ่านมาก็เกิดดินสไลด์ลงบริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ชาวบ้านได้นำไปดูโครงการก่อสร้างถนนระหว่างบ้านแม่ละอุป ต.แจ่มหลวง ไปบ้านขุนแม่รวม ต.แจ่มหลวง ช่วงที่สองระยะทางประมาณ 5 กม.งบประมาณ 39 ล้านบาท ซึ่งกำลังก่อสร้าง ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ถนนช่วงดังกล่าวมักมีดินสไลด์ 3 จุด แต่จุดที่มีความเสี่ยงและดินสไลด์กลับไม่มีแก้ไขและอยู่ในแผน แต่มีการไปทำเอาจุดที่สภาพถนนกว้างดินแข็งและมีป่าไม้สมบูรณ์ ซึ่งมีการขุดข้างทางเป็นหลุมกว้างขนาดใหญ่เพื่อจะเอากล่องเกเบี้ยนไปวางลักษณะเหมือนการแก้ไขดินสไลด์
โดยประชาชน 5 หมู่บ้าน ประมาณกว่า 2,000 คน ต่างใช้เส้นทางนี้สัญจรผ่านทุกวัน จึงต่างได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากจุดดังกล่าวถูกขุดจนถนนคับแคบทำให้ความกว้างของถนนหายไปครึ่งหนึ่งรถไม่สามารถสวนกันได้ นอกจากนี้ยังเป็นทางลาดชันเกรงว่าจะเกิดอันตรายหากมีฝนตกลงมาจะทำให้ถนนลื่น ซึ่งก่อนทำการก่อสร้างที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้รับเหมาไม่เคยมาพบปะผู้นำชุมชนในพื้นที่เพื่อที่จะวางแผนแก้ไขปัญหาตรงจุดจนเริ่มมีการดำเนินการก่อสร้าง
ด้านนายบุญชัย อมอรุณโรจน์ ชาวบ้านห้วยเขียดแห้ง กล่าวว่า ถนนจุดนี้เป็นถนนที่ปกติไม่ได้มีดินสไลด์ สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ปกติ อย่างไรก็ตามหลังจากมีการก่อสร้าง อยู่ๆ ทางผู้รับเหมาได้มีการขุดหลุมข้างถนนขนาดใหญ่กลายเป็นหลุมกว้างขนาด 20 เมตร ลึก 15 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร และทำให้ผิวถนนหายไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านต้องสัญจรผ่านจุดดังกล่าวด้วยความยากลำบาก เพราะไม่สามารถขับสวนกันได้ โดยเฉพาะหากเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ผ่านจุดนี้ยิ่งหน้าหวาดเสียว ซึ่งจากการสังเกตพบว่าถนนช่วงดังกล่าวมีจุดที่มีดินสไลด์อยู่หลายจุดแต่ไม่มีการแก้ไข แต่จุดนี้กลับมีการขุดจนถนนคับแคบลง
ทั้งนี้ตนอยากจะฝากไปถึงหน่วยงานที่มีส่วนรับผิดชอบในจุดนี้โดยตรงเวลามาทำโครงการต่างๆทำไมไม่มาประสานผู้นำชุมชนผู้นำหมู่บ้านเพื่อขอข้อมูลถึงความต้องการของชาวบ้านในชุมชนยกตัวอย่างก็เช่นจุดนี้ไม่จำเป็นต้องขุดไม่ต้องแก้ไขอะไรเลยให้สิ้นเปลืองภาษีและงบประมาณ นอกจากนี้ยังทำให้ชาวบ้านที่สัญจรไปมาเสี่ยงอันตรายอีกด้วย อยากฝากถึงภาครัฐว่าถ้าหากคราวหน้ามีงบประมาณที่จะลงในพื้นที่ก็ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบว่าก่อนที่จะทำแผนก่อนที่จะทำโครงการก่อนที่จะลงมือทำก็ขออให้มาขอข้อมูลกับผู้นำชุมชนผู้นำท้องถิ่นเนื่องจากในพื้นที่มีการทำแผนชุมชนไว้อยู่แล้วจะได้มีต้องเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์