เชียงใหม่ – ผอ.แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ยกทีมลงพื้นที่บ้านวัดจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา ตรวจสอบกรณีชาวบ้านเดือดร้อนและมีปัญหาการสัญจรเดินทางเนื่องจากถนนพังเสียหายเป็นทางยาวหลายสิบกิโลเมตร ระบุมีแผนดำเนินการซ่อมแซมแล้ว แต่อยู่ระหว่างการรองบประมาณ เบื้องต้นเตรียมลงมือซ่อมแซมด่วนส่วนเสียหายหนักเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน คาดเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
ความคืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวร้องเรียนทางหลวงหมายเลข 1349 หรือ ถนนสะเมิง – บ้านวัดจันทร์ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ชาวบ้านใช้สัญจรชำรุดเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทั้งเส้นทางกว่า 40 กิโลเมตร ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินทางของชาวบ้านและยังกระทบต่อการรับส่งผู้ป่วยของโรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เรียกร้องให้หน่วยงานรับผิดชอบเข้ามาปรับปรุงซ่อมแซมได้เกิดความปลอดภัยได้มาตรฐาน
รายงานข่าวแจ้งว่าล่าสุด นายสิทธาฤทธิ์ ปรีดานนท์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบถนน พร้อมกับประชุมร่วมกับนายชำนาญ ทองใบ นายอำเภอกัลยาณิวัฒนาและตัวแทนส่วนราชการในพื้นที่ โดยชี้แจงว่าแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 มีแผนการดำเนินงานและขออนุมัติงบประมาณในการซ่อมบำรุงถนนสายดังกล่าวแล้ว โดยจะได้ดำเนินการภายในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และ 2569 ซึ่งงบประมาณในการปรับปรุงและซ่อมบำรุงถนน บางส่วนได้รับอนุมัติและอยู่ในแผนการดำเนินงานและจะเริ่มเข้าดำเนินการประมาณเดือนกรกฎาคม 2568
ขณะนี้อยู่ระหว่างรองบประมาณ และขั้นตอนตามระเบียบกฎหมาย ส่วนที่ชำรุดเสียหายหนักระหว่างบ้านแจ่มน้อย ติดต่อบ้านวัดจันทร์นั้น ทางแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 จะระดมเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการปรับปรุงและซ่อมบำรุงถนนอย่างเร่งด่วนและจะเริ่มดำเนินการซ่อมแซมในทันที หากไม่มีฝนมาเป็นอุปสรรคคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกินสองสัปดาห์จะแล้วเสร็จและจะทำให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ด้านนายชำนาญ ทองใบ นายอำเภอกัลยาณิวัฒนา ถนนสายนี้มีอายุมากกว่า 15 ปีแล้ว เป็นถนนแบบรุ่นเก่า แบบบาง เมื่อเกิดฝนตกทำให้ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อประชาชนผู้ใช้ถนนที่สัญจรไปมาได้รับผลกระทบมา จึงได้ร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชน ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะคลาดเคลื่อนในการติดต่อสื่อสาร ไม่ได้ชี้แจงหรืองบประมาณหรือไม่เข้าใจตรงกัน จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่จนรวมตัวกันร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนให้เข้ามาทำข่าวในพื้นที่ อย่างก็ตามฝากขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกสำนักทุกแขนงที่ออกข่าวให้แก่ประชาชนในพื้นที่กัลยาณิวัฒนาในครั้งนี้