เลย-ไปเมืองเลยต้องดู “สวนนายอี” เกษตรกรต้นแบบนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใช้พื้นที่ 23 ไร่ ทำเกษตรผสมผสาน ปลูกผักผลไม้หลากชนิด จนประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะองุ่นไร่เมล็ดปลอดภสารเคมี คุณภาพดีตลาดต้องการสูง ทั้งต่อยอดสู่แหล่งเที่ยวเชิงเกษตร รับนักท่องเที่ยวชม ชิม ช็อป เก็บผลไม้สดทานในสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย มีเกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำเกษตรแบบผสมผสาน ในแปลงเกษตรของตนเอง กลายเป็นพื้นที่เกษตรต้นแบบ ให้ประชาชนและผู้สนใจเข้ามาศึกษา ซึ่งดำเนินการโดยนายไกรทอง นิชำนาญ เกษตรกรต้นแบบแห่งบ้านโคกใหญ่ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ซึ่งรู้จักดีในชื่อ “สวนนายอี” ได้พัฒนาระบบการเกษตรปลอดสารพิษบนพื้นที่ 23 ไร่ ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการเกษตรแบบผสมผสาน
นายไกรทอง นิชำนาญ ให้ข้อมูลว่า การทำเกษตรในพื้นที่ 23 ไร่นั้น ได้จัดแบ่งพื้นที่ โดยส่วนแรกพื้นที่ 3 ไร่ ทำการเกษตรภายใต้แนวคิด “โคก หนอง นา” ซึ่งเป็นโมเดลจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยขุดบ่อเลี้ยงปลา ทำนาข้าวอินทรีย์ และปลูกพืชผักสวนครัวรอบๆบ่อ เช่น ผักกาด คะน้า มะเขือเทศ และผักพื้นบ้านชนิดต่างๆ
ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่อีก 20 ไร่ นั้น จะปลูกผลไม้หลากหลายชนิด ที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาด สรรหาไม้ผลปลูก ทั้งองุ่นไร้เมล็ด มะละกอ ทุเรียน ลิ้นจี่ มะม่วง และกล้วย ซึ่งการปลูกผลไม้หลากชนิดนั้น ข้อดีคือจะช่วยกระจายความเสี่ยงทางการเกษตร ไม้ผลที่ทยอยให้ผลผลิตในช่วงเวลาแตกต่างกันนั้น จะสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนได้ตลอดปี
ที่น่าสนใจคือ สวนนายอี ได้ปลูกองุ่นไร้เมล็ดปลอดสารพิษ หนึ่งในผลผลิตเด่น ที่ตลาดต้องการสูง โดยปลูกไว้กว่า 50 ต้น ครอบคลุม 7 สายพันธุ์ อาทิพันธุ์ S-48, Beauty Seedless, แบล็คโอปอล และสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งจะสามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี โดยผลผลิตองุ่นจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 1,000 กิโลกรัม ซึ่งผลผลิตองุ่นจากสวนแห่งนี้ เป็นที่รู้จักดีว่า คุณภาพดี เนื้อแน่น รสชาติหวานหอม และที่สำคัญคือปลอดสารพิษ ตอบโจทย์กระแสรักษ์สุขภาพได้อย่างดี
นายไกรทอง กล่าวว่าการทำเกษตรนั้นยังลดค่าครองชีพ สร้างรายได้เสริมกับครอบครัว การทำเกษตรแบบผสมผสานไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนผลิต แต่ยังเป็นแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้ในแต่ละครัวเรือนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่นการปลูกพืชผักสวนครัวไว้บริโภคเอง การเลี้ยงปลาเพื่อเป็นแหล่งโปรตีน และปลูกไม้ผลเพื่อจำหน่าย สามารถสร้างรายได้เสริมกับครอบครัว
ที่สำคัญประโยชน์ของการทำเกษตรแบบผสมผสานนั้น ช่วยให้เจ้าของสวน ไม่ต้องพึ่งพากลไกตลาดมากเกินไป เพราะสวนเกษตรที่ปลูกพืชหลายชนิด ทั้งผัก ผลไม้ ฯลฯ จะสามารถผลิตอาหารไว้กินเองได้ตลอดทั้งปี ผลผลิตส่วนเกินจากการบริโภคในครัวเรือน ก็สามารถนำไปขายสร้างรายได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้ด้วย
นายไกรทอง กล่าวต่อว่า ตนได้ต่อยอดสวนนายอี ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกรอย่างใกล้ชิด ด้วยการผนวกกิจกรรมหลากหลาย นักท่องเที่ยวเข้ามาสวนนายอี สนุกกับการตกปลาในบ่อที่จัดเตรียมไว้ ทั้งสามารถเก็บผลผลิตองุ่นสดๆจากต้น หรือเก็บผลไม้ชนิดอื่นในสวน เช่น ทุเรียน ลิ้นจี่ มะละกอ และมะม่วง
ทั้งยังจัดพื้นที่มุมสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพบรรยากาศธรรมชาติ ชมวิวและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำเกษตร สอบถามเทคนิคการทำเกษตรจากเจ้าของสวนโดยตรง โดยสวนยังมีบริการโฮมสเตย์ สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศธรรมชาติ โดยที่พักออกแบบอย่างเรียบง่าย สะดวกสบาย ให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสวิถีชีวิตเกษตรกรอย่างแท้จริงด้วย